ดัชนี SMEs ไตรมาส 3 ดิ่งลงทุกด้าน

17 ต.ค. 2562 | 05:40 น.

ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจดัชนีเอสเอ็มอีไตรมาส 3/2562 ปรับลดทุกด้านแต่มีสัญญาณบวก เชื่อสถานการณ์ธุรกิจไตรมาสสุดท้ายกลับมาขยายตัว  ผลจากมาตรการภาครัฐ ประกอบกับเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว
                ผศ.ดร.ธนวรรธน์  พลวิชัย  รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า  ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ ไตรมาส 3/2562 อยู่ที่ 41.5  ปรับตัวลดลง 1.2 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (2/2562)  ส่วนคาดไตรมาส 4/2562 เชื่อว่าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 41.9  เมื่อจำแนกตามลักษณะการเป็นลูกค้า พบว่า  กลุ่มที่ไม่ใช่ลูกค้าของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจปรับจากระดับ 36.2   มาอยู่ที่ระดับ 35.0  ส่วนกลุ่มที่เป็นลูกค้า ธพว.  ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ จากระดับ 48.0  มาอยู่ที่ระดับ 47.0

ดัชนี SMEs ไตรมาส 3 ดิ่งลงทุกด้าน

ด้านดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจ ไตรมาสที่ 3/2562 อยู่ที่ระดับ 47.8 ปรับตัวลดลง 1.0 จุด  เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และคาดไตรมาส 4/2562 จะขยับขึ้นอยู่ที่ 48.1 เมื่อจำแนกตามลักษณะการเป็นลูกค้า พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจจากระดับ 40.8  มาอยู่ที่ระดับ 39.6   ขณะที่กลุ่มที่เป็นลูกค้า ธพว. จากระดับ 56.8  มาอยู่ที่ระดับ 56.2

ขณะที่ดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจ ไตรมาสที่ 3/2562 อยู่ที่ระดับ 51.1 ปรับตัวลดลง 0.7จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา  และคาดไตรมาส 4/2562 จะขยับขึ้นอยู่ที่ 51.4  เมื่อจำแนกลักษณะตามการเป็นลูกค้า พบว่า กลุ่มที่ม่ได้เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีจากระดับ 44.5  มาอยู่ที่ระดับ 43.8   ขณะที่กลุ่มที่เป็นลูกค้า ธพว. จากระดับ 59.1  มาอยู่ที่ระดับ 58.5

จาก 3 ดัชนีข้างต้น นำมาสู่ ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของ SMEs  ไตรมาสที่ 3/2562 พบว่า อยู่ที่ระดับ 46.9 ปรับตัวลดลง 0.9 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่คาดว่าในไตรมาสที่ 4/2562  จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 47.1   เมื่อจำแนกตามลักษณะการเป็นลูกค้า  พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีความสามารถในการแข่งขัน ลดลงจาก 40.5 มาอยู่ที่ 39.4  ส่วนลูกค้า ธพว. ดัชนีความสามารถในการแข่งขัน จาก 54.7 มาอยู่ที่ 53.9

ดัชนี SMEs ไตรมาส 3 ดิ่งลงทุกด้าน

ส่วนความต้องการความช่วยเหลือ สนับสนุนหรือพัฒนากิจการจากภาครัฐนั้น กลุ่มตัวอย่างระบุว่า ด้านสินเชื่อ  ต้องการให้ลดข้อจำกัดในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อการเข้าถึงสินเชื่อให้ง่ายขึ้น  อาทิ ลดขั้นตอน ลดเอกสาร ปรับลดอัตราดอกเบี้ย การปรับโครงสร้างหนี้ ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ต้องการให้มีมาตรการหรือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการช้อปช่วยชาติ ธงฟ้าราคาประหยัด การกระตุ้นการส่งออก การลดค่าครองชีพ   ควบคุมราคาน้ำมัน เป็นต้น  ด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี เช่น สนับสนุนทุนเทคโนโลยี ช่องทางการค้าแก่ SMEs การอบรมความรู้ให้ผู้ประกอบการ ด้านการตลาด เช่น กลยุทธ์ส่งเสริมทางด้านการโฆษณา ประชาสัมพันธ์/ช่องทางการจัดจำหน่ายต่างๆ/ แหล่งตลาดใหม่ๆ ด้านภาษี เช่น การลดอัตราภาษี ปรับโครงสร้างภาษีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อาทิ ภาษีทางการค้า ภาษี รายได้ ภาษีสินค้า/บริการ  และด้านการท่องเที่ยว  ส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ กระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว อนุรักษ์ธรรมชาติพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพิ่มความสนใจนักท่องเที่ยว

ผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวต่อไปอีกว่า สิ่งสำคัญของผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนว่า ผู้ประกอบการ SMEs ไทยมีความเชื่อมั่นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจของ SMEs ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า หรือไตรมาส 4/2562 จะปรับดีขึ้น อันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐที่ออกมาแล้ว และกำลังทยอยออกมาเพิ่มเติมต่อเนื่อง มีส่วนสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เกิดการใช้จ่ายอย่างคึกคัก  ประกอบกับเข้าสู่ฤดูกาลการท่องเที่ยว   จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีให้ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องได้รับประโยชน์มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

ดัชนี SMEs ไตรมาส 3 ดิ่งลงทุกด้าน

นางจงรักษ์  โปลิตานนท์  รองกรรมการผู้จัดการ  ธพว. กล่าวว่า จากผลสำรวจดังกล่าว เห็นได้ชัดเจนว่า กลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้า ธพว. ค่าเฉลี่ยดัชนีทุกด้านสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธพว. เนื่องจากธนาคารมีกระบวนการพัฒนาผู้ประกอบการคู่กับการให้สินเชื่อ  เช่น อบรมการทำตลาดออนไลน์  บริหารจัดการต้นทุนธุรกิจ  จัดทำบัญชีเข้าสู่ระบบ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น  อีกทั้ง ช่วยขยายตลาดใหม่เพิ่มยอดขาย  เช่น พาออกงานแสดงสินค้าที่ธนาคารจัดขึ้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ พาเปิดตลาดอีคอมเมิร์ซ ผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดัง อย่าง Thailandpostmart.com   Shopee  และ  Lazada    เป็นต้น และช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการของลูกค้าธนาคารผ่านสื่อต่างๆ ทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ซึ่งจากกระบวนพัฒนาเหล่านี้ ช่วยให้ลูกค้า ธพว. มีศักยภาพ สามารถปรับตัวทันโลกธุรกิจยุคใหม่  ดังนั้น  ธนาคารจะเดินหน้าแนวทางพัฒนาผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
                นอกจากนั้น ช่วงไตรมาสสุดท้ายที่คาดว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ SMEs จะขยายตัว ธนาคารได้เตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไว้รองรับให้ผู้ประกอบการนำไปใช้เสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงธุรกิจ หรือเป็นทุนหมุนเวียน   เช่น สินเชื่อนิติบุคคล555  วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ดอกเบี้ยเฉลี่ย 7 ปี  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.479%ต่อเดือน   สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน คิดดอกเบี้ยถูก นิติบุคคล 3 ปีแรกเพียง 0.25% ต่อเดือน และบุคคลธรรมดา 3 ปีแรกเพียง 0.42% ต่อเดือน  เป็นต้น