ตลาดรถยนต์หืดจับภาคใต้สาหัส

ตลาดรถยนต์ของไทยในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยสดใสมากนักเมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนจากยอดขายรถยนต์โดยรวมในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.62) มียอดขายรวม 685,652 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเพียง 4.2% ล่าสุดในเดือนสิงหาคมยอดขายรถยนต์ภายในประเทศมีจำนวน ทั้งสิ้น 80,838 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 6.9% โดยสาเหตุหลักที่ยอดขายภายในประเทศลดลง จากการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์

สอดคล้องกับข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังระบุยอดรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ทั้งประเทศในช่วง 8 เดือนขยายตัว 8.4% โดยไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัว 11.8% จากนั้นลดลงมาอยู่ที่ 5.1% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ก่อนติดลบ 1.2% ในเดือนกรกฎาคม และมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนสิงหาคมที่ 11.3%

ทั้งนี้เมื่อเจาะลึกในรายละเอียดพบว่าในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ภาคใต้เป็นภาคที่ยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งขยายตัวน้อยสุด 1.9% ผลจากราคายางพารา และปาล์มนํ้ามันที่ลดลง รองลงมาได้แก่ภาคเหนือขยายตัว 3.2% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4.7% ภาคตะวันตก 5.4% ภาคกลาง 5.8% ภาคตะวันออก 7.6% โดยกรุงเทพฯและปริมณฑลยังคงครองอันดับ 1 ที่มีอัตราการขยายตัวของยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งมากที่สุดที่ 12%

ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรายงานยอดการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อจำหน่ายในประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม- สิงหาคม 2562 ผลิตได้ 313,349 คัน เท่ากับ 55.83% ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม- สิงหาคม 2561 แล้ว เพิ่มขึ้นเพียง 2.02%

ส่วนรถกระบะขนาด 1 ตัน ตั้งแต่เดือนมกราคม- สิงหาคม 2562 ผลิตได้ทั้งสิ้น 344,716 คัน เท่ากับ 42.01% ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2561 อัตรา 5.46% แบ่งเป็น รถกระบะบรรทุก 175,368 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2561 อัตรา 5.02% รถกระบะดับเบิลแค็บ 125,262 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2561 อัตรา 7.47% รถกระบะ PPV 44,086 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2561 อัตรา 1.76%

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3512 วันที่ 10-12 ตุลาคม 2562

​​​​​​​