แกะรอย“ปาล์มปั่นไฟ” บทเรียนราคาแพง กฟผ.

07 ต.ค. 2562 | 11:55 น.

 

***คอลัมน์อยู่บนภู ภาคพิเศษ ฐานเศรษฐกิจ โดย...กระบี่เดียวดาย

 

ยิ่งลึก ยิ่งเจ็บ ยิ่งถลำ ยิ่งดำดิ่งจนหาทางออกจากหลุมดำไม่เจอ สำหรับการแทรกแซงปาล์มปั่นไฟของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)

คอลัมน์นี้ส่งเสียงเตือนเป็นระยะๆ ว่ามันมีปัญหา เสือโหย เสือหิว ที่รอตะครุบเหยื่ออยู่จำนวนมาก และเงินไม่ตกถึงมือเกษตรกร แถมแก้ปัญหาสต็อกปาล์มล้นไม่ได้

ลองไปย้อนดูตัวเลขสต็อกน้ำมันปาล์มดิบที่มีตัวเลขเพิ่มขึ้นตลอด ทั้งๆ ที่มีการดูดซับสต็อกไปเผามาแล้วรอบนึง โดยเดือนพ.ค.สต็อกอยู่ที่ 380,687 ตัน เดือนมิ.ย. 400,441ตัน เดือนก.ค.451,127 ตัน เดือนส.ค.493,177 ตัน และเดือน ก.ย. ล่าสุดกระโดดไปสูงที่ 514,357 ตัน

“ดูตัวเลขธรรมดาๆ กันก็พอจะแลเห็น เขาเล่นอะไรกันกับสต็อกปาล์ม ที่ไม่ลดน้อยถอยลงเลย ทั้งที่ผลผลิตออกสู่ตลาดก็ลดลง เมื่อดูจากตัวเลขผลผลิตกระทรวงเกษตรฯ และมีการเอาไปเผาส่วนหนึ่งโดยกฟผ.แล้วก่อนหน้านี้ ทำไมสต็อกจึงเพิ่มขึ้น ซื้อกดต่ำไว้รอสวมหรือไม่"

 ย้อนกลับไปดูโครงการกันสักนิด ช่วงนั้น ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน อนุมัติโครงการยกระดับราคาปาล์ม 2 บาทกว่าๆ เป็น 3-4 บาทต่อกิโลกรัม โดยลดสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) 1.6 แสนตัน เฉลี่ย 3 หมื่นตันต่อเดือน ส่งให้กฟผ.เผาทิ้งที่โรงผลิตไฟฟ้าบางปะกง ใช้งบประมาณมากถึง 2,880 ล้านบาท

เงื่อนไข TOR ล็อตแรก มีสเปกออกมาแบบงงๆ เข้าทางเอกชนบางกลุ่ม โดยเฉพาะคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีสต็อกน้ำมันปาล์มดิบไม่น้อยกว่า 50% มีความสามารถในการขนส่ง เก็บรักษา และส่งมอบ ให้มีการขนส่งสินค้าทางเรือ ใครมีคลังสินค้า ใครมีท่าเรือ ใครมีเรือขนส่ง ก็อิ่มหมีพีมัน

มากไปกว่านั้นมีการกำหนดค่ามาตรฐานสิ่งเจือปน FFA อยู่ในระดับ 7-9% ในตลาดซื้อขายน้ำมันปาล์มเขารู้กัน สเป็กแบบนี้มันน้ำมันเน่า คือค่ากรดสูงเกิน 5% คราวนี้ใครมีถังเก็บ ซื้อน้ำมันเกรดต่ำราคาถูกมาผสมก็สบายตัว

 เอาง่ายๆ ค่ากรดเกิน 5% ไป 1% ราคาก็จะลดลง 1 บาทต่อกก. ถ้าค่ากรดเกิน 5% ไป 2% ราคาก็จะลดลง 2 บาทต่อกก. ถ้าค่ากรดอยู่ในระดับ 7-9% ราคาก็จะลดลง 2-4 บาทต่อกก. งานนี้จึงมีการขนน้ำมันราคาถูกมาสวมกันสบาย  พวกขาใหญ่มีสต็อคน้ำมันเยอะ เก็บไว้นานๆ มีไม่กี่ราย เรียกว่าขนน้ำมันปาล์มเน่ามาขายโครงการกันสนุกเลยทีเดียว  รอบนั้นซื้อ 3 หมื่นตัน ฟันกันไป 2-4 บาทต่อกก. รัฐเสียค่าโง่ฟรีๆ 60-120 ล้านบาท

เงินส่วนต่างเหล่านี้ตกหล่นไปที่ใคร รู้กันดีทั้งภาคใต้  

หลังจากนั้นมีการกำหนดสเปก ให้ขนส่งทางเรือ บริษัทที่มีเรือ บริษัทที่ดูแลคลังสินค้า รับเก็บน้ำมันปาล์ม รับขนส่งสินค้า จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากขาใหญ่น้ำมันปาล์มสุราษฎร์ธานีและพรรคพวกในเครือ ที่รวยเพิ่มเต็มๆจากงานนี้

 โครงการนี้ผ่านมาแล้วกว่า 6 เดือนราคาปาล์มยังไม่ขยับไปไหนย่ำอยู่กับที่ แทนที่จะเป็นการยกระดับราคาปาล์มที่ตกต่ำ

คราวนี้เสียค่าโง่ไปแล้วรอบนึง มาว่ากันต่อรอบ 2 วันที่ 9 ต.ค.นี้ จะเปิดให้เอกชนยื่นซองเสนอราคาล็อตใหม่ ตั้งราคากลางไว้ที่ 17.50 บาทต่อกก. จะซื้อมห้ครบ 1.33 แสนตันที่เหลือ เหมือนเดิมโรงสกัดและเอกชนที่มีคลังน้ำมันและตุนน้ำมันไว้ไว้แล้วและดูจากสต็อกก็เห็นชัด ว่ากันว่าซื้อตุนไว้ที่  14-15 บาทต่อกก.ก็ฟันกำไร 2.5-3.5 บาทต่อกก. เป็นอย่างต่ำ เม็ดเงินที่ฟันกัน 275-400 ล้านบาท

แว่วว่าก่อนที่จะมีการเปิดล็อต 2 มีเงินหล่นแถวสุราษฎร์ธานีถึง 80 ล้านบาทเลยทีเดียว

ใครฟาดใคร ผู้บริหาร กฟผ. กรมการค้าภายใน ต้องตรวจสอบการกระทำของพวกนี้โดยเร็ว อย่าปล่อยให้เงินหลวงรั่วไหลไปทางไหนโดยง่าย

ก่อนหน้านี้ก็บอกไปแล้ว ผู้บริหารกฟผ.ต้องหาญกล้าเดินไปบอกผู้มีอำนาจในกนป.ให้ยกเลิกโครงการเถอะ ยังทัน !!

ไม่ควรทู่ซี้ดันทุรังเปิดประมูลต่อไป ซื้อของมาถูกมาขายหลวงแพง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  สนธิรัตน์ สนธิจิรงวงศ์ รมว.พลังงาน ควรหันไปมาดูเรื่องนี้จริงจัง แม้โครงการจะเกิดมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้หมายถึงทบทวนไม่ได้

คณะกรรมการป.ป.ช. ก็ควรหันมาจับตาเรื่องนี้

ไหนๆ รัฐบาลก็จะทำบี10 บี20 และทำโครงการประกันรายได้ออกมาแล้ว เอาไปเผาก็เหมือนเผาเงินหลวงทิ้งไปด้วย และมีคนดึงเงินไปจากกองไฟก่อนเผาเสียด้วย

หากยังมีการดันทุรัง ประมูลล็อตใหม่ไปอีก เท่ากับรัฐเสียค่าโง่ ซ้ำเป็นรอบที่สอง

โง่ซ้ำ โง่ซ้อน ไหวหรือลุง!!!