เอกชนกุมขมับ ท่องเที่ยวไทยโตแผ่ว

แนวโน้มการเติบโตของการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ ซึ่งขยายตัวน้อยมาก จากปกติการเติบโตควรจะอยู่ที่ 7-10% ต่อปี แต่ผ่านมาร่วม 8 เดือน มีการเติบโตอยู่เพียง 3% เท่านั้น และคาดว่าตลอดทั้งปีนี้น่าจะขยายตัวเพียง 4% กว่าๆเท่านั้น การโตแผ่วเช่นนี้ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยในภาพรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สทท.คาดรายได้ปีนี้ต่ำเป้า

ดังนั้นล่าสุดสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) จึงคาดการณ์ว่าแม้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยมากกว่าไตรมาสอื่น คืออยู่ที่ 10.41 ล้านคน เติบโต 7.21% แต่เมื่อรวมสถิติกับไตรมาสก่อนหน้าที่เติบโตน้อยมาก ก็ทำให้คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 39.73 ล้านคน เติบโตเพียง 4.06% เท่านั้นไม่ถึง 40 ล้านคน และมีรายได้จากตลาดต่างประเทศอยู่ที่ราว 1.95 ล้านล้านบาท ไม่ถึง 2.02 ล้านล้านบาท อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยในปีนี้ที่ 11.15 ล้านคน

ทั้งนี้ในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวซึ่งสทท.คาดการณ์ไว้ในปีนี้ ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) วางไว้ว่าภาพรวมการท่องเที่ยวไทยในปีนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 39.8 ล้านคน ส่วนในแง่ของรายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้ที่ 3.07 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.02 ล้านล้านบาท และไทยเที่ยวไทย 1.05 ล้านล้านบาท ยังต้องลุ้น เพราะการแข็งค่าของเงินบาท แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างไม่มีทางเลี่ยง จากค่าใช้จ่ายที่ลดลง

โทมัส คุก ล้มฉุด1แสนคนเคว้ง       

       ปัจจัยหลักไม่ใช่เพียงผลกระทบจากค่าเงินเท่านั้น การแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นจากประเทศคู่แข่ง และล่าสุดยังตอกย้ำด้วยการล้มละลายของบริษัทโทมัส คุกฯ เอเยนต์ทัวร์รายใหญ่ของยุโรป ที่ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวจากโทมัส คุก ยูเค ที่จองเข้ามาเที่ยวไทยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จำนวนกว่า 1 แสนคน ไทยอาจจะวืดได้

นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เผยว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมทั้งประเทศช่วงไตรมาส 3 อยู่ที่ราว 63-68% หากเทียบกับปี 2561 ก็ถือว่ากลางๆไม่แย่มากแต่ก็ไม่ดีมาก ต่างจากปี 2560 ที่อัตราการเข้าพักดีกว่านี้มาก ส่วนอัตราการเข้าพักในช่วงไตรมาส4 ปีนี้ก็อยู่ที่ 65-75% โดยภาคที่มีแนวโน้มอัตราเข้าพักไตรมาส 4 ปีนี้ลดลงหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คือ ภาคใต้ ซึ่งน่าจะอยู่ที่ 70-75% จากปกติที่ควรจะอยู่ที่ 85%

ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ

      เนื่องจากภูเก็ต พังงา กระบี่ เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี จะได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของโทมัส คุก ซึ่งในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจองผ่านโทมัส คุก มาเที่ยวไทยกว่า 1 แสนคน ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะมาหรือไม่มา เพราะเขาจองแล้วจ่ายเงินไปแล้ว หรือถ้ามาก็ต้องมากับเอเย่นต์อื่นแทน ซึ่งทีเอชเอและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำลังหารือร่วมกันว่าจะมีมาตรการกระตุ้นตลาดในส่วนนี้อย่างไร แต่ในส่วนของโทมัส คุก เยอรมนี เขามีระบบอินชัวรันซ์ ที่คุ้มครองนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน-6 ตุลาคมนี้ ผลกระทบอาจไม่รุนแรง แต่หลังจากหมดประกันแล้วก็ยังต้องจับตาดู

อีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม คือโรงแรมจะมีวันพักเฉลี่ยน้อยลง เนื่องจากวันนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวไทย เป็นนักท่องเที่ยวเอฟไอที (เดินทางเที่ยวด้วยตัวเองไม่ผ่านบริษัททัวร์) คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% แล้ว ทำให้ในวันพักที่มีเท่าเดิม แต่เกิดการกระจายของการเข้าพัก เช่นแทนที่จะพักโรงแรมในกรุงเทพฯ 3 คืนก็เหลือ 2คืน แล้วไปพักที่อื่น ก็ทำให้โรงแรมมีอัตราเข้าพักลดลง ซึ่งเรากำลังหามาตรการแก้ไขในเรื่องนี้

ชิมช้อปใช้หนุนเที่ยวในปท.     

ในแง่ของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ จากเดิมที่ทรงๆตามสภาพเศรษฐกิจ แต่หลังจากมาตรการชิม ช้อปใช้ออกมา ก็มีส่วนกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวได้มาก เห็นชัดเจนจากจำนวนคนเข้าไปโหลดลงทะเบียนเป๋าตัง และผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมคึกคักจาก 7 หมื่นราย ก็ขยายให้ผู้ประกอบการร้านค้ามาลงทะเบียนถึงวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ก็คาดจะได้เกือบ 2 แสนราย

นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ รองประธานฝ่ายตลาดท่องเที่ยวในประเทศ สทท. กล่าวว่า เรามองว่าการแจก 1 พันบาทเป็นการกระตุ้นให้คน 10 ล้านคนมีการใช้จ่ายโดยรัฐสนับสนุนเงิน 1 หมื่นล้านบาทในมาตรการนี้ และสิ่งนี้เรามองว่าเป็นความหวังต่อมาคือการเติมเงินเข้ามา เพื่อใช้จ่าย โดยที่นักท่องเที่ยวได้รับเงินคืนสูงสุด 15% อันนี้จะช่วยผู้ประกอบการโรงแรมได้มาก โดยตอนนี้บริษัททัวร์ต่างๆก็โปรโมทให้ลูกค้ารับทราบ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อแพ็กเกจเที่ยวในประเทศ

จองเที่ยวตปท.ยาวถึงสงกรานต์

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่าไทยเที่ยวไทยช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ นอกจากจะได้แรงหนุนจากมาตรการชิม ช้อป ใช้ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ก็จะมีอีก 2 มาตรการเสริมที่จะเข้ามากระตุ้นต่อเนื่อง ซึ่งเตรียมจะเข้าครม.ในเร็วๆนี้ หลังจากททท.ได้รับงบประมาณจากสภาพัฒน์ 116 ล้านบาทแล้ว เพื่อมาดำเนินการใน 2 โครงการ คือ 1. โครงการ 100 เดียวเที่ยวทั่วไทย ที่จะจัดเดือนละ1ครั้งเป็นเวลา 4 เดือน รวมกว่า 1 หมื่นรางวัลต่อครั้ง ที่จะเปิดให้มาลงทะเบียนรับสิทธิผ่านเว็บไซต์ททท.และ 2.โครงการวันธรรมดาราคาช็อคโลก มอบส่วนลดสูงสุด 70% โดยทั้ง 2 โครงการจะสิ้นสุดในเดือนธันวาคมนี้

แม้จะมีมาตรการกระตุ้นไทยเที่ยวไทย แต่อีกปัจจัยที่ต้องคำนึงคือการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศของคนไทย ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากเงินบาทแข็งค่า 

“เงินบาทแข็งค่าทำให้คนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น และการจองทัวร์ในขณะนี้ ถือว่าคึกคักตั้งแต่ช่วงปีใหม่ และมีการจองยาวไปถึงช่วงสงกรานต์แล้ว เนื่องจากมีสายการบินต้นทุนต่ำและหลายสายการบินเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และจากการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้แพ็กเกจทัวร์เที่ยวต่างประเทศมีราคาต่ำกว่าเดิมราว 10% คาดว่าตลอดปีนี้จะมีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศราว 10 ล้านคน” กัลญาณี อัสนี รองประธานสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวกล่าว

ทั้งหมดล้วนเป็นภาพรวมของธุรกิจและแนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้

รายงานโดย ธนวรรณ วินัยเสถียร 

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,510 วันที่ 3-5 ตุลาคม  2562