‘DNA Story’แต้มต่อ ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

24 ก.ย. 2562 | 07:35 น.

 

          แม้การท่องเที่ยวของไทยในปีนี้จะโตแบบชะลอตัว จากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมหลายแห่งเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ดูจะสวนทาง กับโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก ซึ่งภาพรวมธุรกิจในปีนี้ ขยายตัวมากกว่าปีที่ผ่านมา ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากดีเอ็นเอ สตอรีที่สร้างเสน่ห์ของโรงแรม ควบคู่กับการบริหารจัดการธุรกิจที่มีส่วนในการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การันตีได้จากการเป็นโรงแรมแห่งแรกในโลกที่ได้รับรางวัลจากมาตรฐาน ISO 20121 และยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วยอ่านได้จากสัมภาษณ์นางชูเลง โก ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล

 

‘DNA Story’แต้มต่อ  ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

ชูเลง โก

 

ISO20121แห่งแรกของโลก

         การดำเนินงานของโรงแรมในปีนี้ ถือว่ามีลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีการเติบโตของลูกค้าในกลุ่มนักธุรกิจ และการจัดประชุมทั้งในประเทศและระดับนานาชาติที่เข้ามาจัดงานเพิ่มขึ้น ทั้งล่าสุดก็ได้รองรับการจัดประชุม สุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 34 ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

         การที่โรงแรมได้รับการคัดเลือก เป็นเพราะการจัดงานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน มีธีมเรื่องของ Sustainable (ยั่งยืน) ซึ่งเป็นแนวทางในการบริหารจัดการที่เป็นจุดโฟกัสของโรงแรมที่เราทำอยู่แล้ว และยังเป็นโรงแรมแห่งแรกในโลกที่ได้รับรางวัลจากมาตรฐาน ISO 20121 เนื่องจากเป็นสุดยอดโรงแรมที่วางแผนและจัดงานต่างๆ โดยเน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

       ขณะเดียวกันโรงแรม ยังได้รับรางวัลที่เกี่ยวกับการตกแต่งในหลายรางวัลด้วยเช่นกัน อาทิ ได้รับรางวัล สุดยอดโรงแรม 5 ดาวแห่งปี 2558-2559 ในหมวดโรงแรมที่มีการตกแต่งภายใน ยอดเยี่ยมที่สุดในไทย

‘DNA Story’แต้มต่อ  ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

      รางวัลต่างๆ ที่ได้รับการันตี ถึงความสำเร็จของโรงแรมกับการวางแผนต่างๆ ที่ทำมาหลายปีและต่อเนื่อง การลงทุนโรงแรมระดับ 5 ดาว ในย่านถนนวิทยุและใกล้เคียง ทั้งที่มีอยู่เดิมและกำลังจะสร้างใหม่ เราไม่ได้วิตก เพราะมั่นใจกับประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจบริการมานาน มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี


 

‘DNA Story’แต้มต่อ  ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

ดีเอ็นเอ สตอรีเอกลักษณ์รร.

     ประกอบกับโรงแรมแห่งนี้ มีเอกลักษณ์ของสถานที่ ซึ่งเป็น ดีเอ็นเอ สตอรีที่ทำให้โรงแรมมีเสน่ห์ และมีความแตกต่าง ซึ่งเราวางแผนไว้ตั้งแต่ดำเนินการรีโนเวตโรงแรม เพื่อรีแบรนด์มาใช้แบรนด์ อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็ค ชั่น โฮเทล ที่เป็น 1 ใน 30 แบรนด์ของเชนแมริออท โดยแบรนด์นี้ เน้นสตอรีของสถานที่นั้นๆ ก็เข้ากันกับสถานที่ตั้งของโรงแรม ที่เดิมเป็นวังคันธวาสของเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร พระราชธิดาลำดับที่ 43 ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 และเป็นพระปิตุจฉาของในหลวงรัชกาลที่ 9

‘DNA Story’แต้มต่อ  ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

          ทำให้ตั้งแต่มีการรีโนเวตโรงแรมใหม่ ก็มีการตกแต่ง และออกแบบ เพื่อสะท้อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถานที่ตั้ง ทำให้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในกรุงเทพฯ และผสมผสานสไตล์ไทยและยุโรป การตกแต่งก็จะมีรูปปั้นพระองค์หญิงในบางจุด พื้นบางห้องเป็นลาย หมากรุก เพราะท่านชอบเล่นหมากรุก เป็นต้น

‘DNA Story’แต้มต่อ  ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

โฟกัสฟู้ดแมเนจเมนต์

       ไม่เพียงแค่การตกแต่งเท่านั้น เรายังทำเรื่องของ Social Responsibility ที่ก็สอดรับกับเรื่องราวของพระองค์หญิง ที่ท่านชอบเรียนหนังสือ และได้สร้างโรงเรียนราชินีบน ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วนขึ้น นี่เองทำให้โรงแรม โฟกัสเรื่องเกี่ยวกับการจัดอีเวนต์ อย่างยั่งยืน เน้นการจัดการกับขยะเหลือทิ้งให้น้อยที่สุด หรือ ฟู้ดแมเนจเมนต์ ที่เริ่มตั้งแต่การเตรียมอาหารและวัตถุดิบ

‘DNA Story’แต้มต่อ  ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

          ทำให้ที่ผ่านมาโรงแรมมีการทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกรอินทรีย์ เราซื้อข้าวอินทรีย์โดยตรงจากเขามาใช้ในโรงแรม เพื่อเสิร์ฟให้ลูกค้า และให้พนักงานได้ซื้อข้าวอินทรีย์ ที่ไม่ใช่แค่สร้างความมั่นใจถึงความปลอดภัยในการรับประทานอาหาร และยังช่วยให้เกษตรกรไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ทำให้เขามีรายได้ไม่ต้องไปกู้เงินนอกระบบที่สุดท้ายเขาก็อยู่ไม่ได้ โดยโรงแรมจะต้องบริหาร สต๊อก เพื่อให้เขาส่งสินค้าทุก 2 อาทิตย์ ซึ่งมูลค่าที่เราซื้อก็หลายร้อยล้านบาทต่อปี และเราก็นำผู้บริหารต่างชาติไปวิสิตฟาร์ม ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราทำ

ดังนั้นจึงเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ที่โรงแรมเข้าไปซื้อข้าว อินทรีย์กับกลุ่มเกษตรกรที่จ.อำนาจเจริญ และซื้อผักอินทรีย์กับกลุ่มเกษตรกร .นครปฐมและจ.ราชบุรี ที่เพิ่งเริ่มซื้อเมื่อปีที่แล้ว แต่ขณะนี้เรายังซื้อผล ผลิตอินทรีย์ 100% ไม่ได้ เพราะการปลูกเกษตรกรต้องใช้เวลานานกว่า และทั่วประเทศได้ผล ผลิตอินทรีย์น้อยกว่า 1%

‘DNA Story’แต้มต่อ  ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

         ปัจจุบันอาหารไทย มีการใช้วัตถุดิบออร์แกนิกแล้ว 80-90% จากเมื่อก่อนอยู่ที่ 10% และด้วยความที่โรงแรมมีหลายห้องอาหาร ตอนนี้เราก็ให้เขาประกาศว่าใครใช้วัตถุดิบออร์แกนิกได้ 100% ก่อน ซึ่งข้าวเป็น 100% แล้ว ส่วนผลไม้ก็ตามฤดูกาล บางอย่าง เช่น มะม่วง ฝรั่ง มีออร์แกนิก แต่ส้มไม่มี ก็ต้องปรับวิธีการคิดในการเสิร์ฟ และขณะนี้เราก็มองต่อไปยังการสั่งซื้อเนื้อหมูออร์แกนิก ซึ่งก็มีการเลี้ยงอยู่ เช่น แฮปปี้หมู ที่จ.ราชบุรี เป็นต้น

       นอกจากนี้เรายังมองการให้ความรู้ในเรื่องนี้แก่โรงแรมในเครือ และการจัดประชุมด้านซีเอสอาร์ของนอกองค์กรด้วย เพื่อบอกต่อเรื่องราวอันเป็นประโยชน์ที่สามารถนำไปขยายผลได้ต่อไปด้วยนั่นเอง

 

สัมภาษณ์ โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร 

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3507 วันที่ 22-25 ก้นยายน 2562

‘DNA Story’แต้มต่อ  ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก