โรงสียิ้มออกพายุ “โพดุล” ฟื้นชีพต้นข้าว
อานิสงส์พายุ “โพดุล” เข้าอีสาน-เหนือ นายกโรงสี-ร้านค้าปุ๋ยเฮลั่น! สั่งปูพรมเอ็กซเรย์พื้นที่ทำนาทั่วไทย เผยชาวนาเริ่มซื้อปุ๋ย หว่านข้าวลงแปลงเพิ่ม คาดข้าวหอมมะลิ 105 อีสานเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.เป็นต้นไป ระบุล่าช้ากว่าปีที่แล้ว กระทบภัยแล้ง ขณะที่ข้าวเหนียวจะเริ่มเก็บเกี่ยว ก.ย.คาดว่าจะมีมาก เดือน ต.ค. แต่ยังมีห่วงบางพื้นที่ไม่สามารถปลุกข้าวฟี้นได้มีอัตรารอดกี่เปอร์เซนต์ผวาอนาคตข้าวขาดแคลนหนัก
จากกรณีพายุระดับ 3 โซนร้อน “โพดุล” เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยแล้วเมื่อเวลา 05:30 น. (วันที่ 30 ส.ค.2562) ส่งผลให้วันนี้จนถึงวันที่ 1 กันยายน 2562 ทุกภาคของประเทศไทยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากนั้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน)
นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจว่า” จากการรายงานข้อมูล ของกรรมการสมาคมโรงสีข้าวไทย ณ ปัจจุบันในพื้นที่ที่ประสบปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง ปัญหาภัยแล้งได้คลี่คลายและปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก ในหลายพื้นที่ๆผ่านมาที่มีปัญหาฝนทิ้งช่วงในขณะนี้ได้รับอานิสงส์จากพายุ จึงทำให้ในช่วงนี้มีปริมาณน้ำพอเพียง เกษตรกรได้ดำเนินการซื้อปุ๋ย นำมาหวานลงแปลงมากขึ้นในหลายๆพื้นที่ ซึ่งถ้าหากฝนในเดือนกันยายนยังมีปริมาณที่เหมาะสมก็จะทำให้สถานการณ์ดีต่อเนื่องขึ้นไปอีก คาดว่าการเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิ105 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) จะเริ่มเก็บเกี่ยวประมาณ วันที่ 15 พฤศจิกายน เป็นต้นไปซึ่งจะล่าช้ากว่าปีที่ผ่าน แต่ในพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ตามระยะเวลาปกติ
“สถานการณ์เช่นนี้ก็จะส่งผลดี กับข้าวเหนียวที่มีการเพาะปลูกในพื้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และภาคเหนือ บางพื้นที่จะมีการเริ่มเก็บเกี่ยวในเดือนกันยายน และเก็บเกี่ยวมากยิ่งขึ้นในเดือนตุลาคม ส่วนภาคใต้ สถานการณ์ตอนนี้ก็ใกล้จะเก็บเกี่ยว แต่ฤดูนี้ปริมานข้าวจะน้อยเนื่องจากตอนที่เพาะปลูก (เดือนพฤษภาคม/มิถุนายน) นั้นไม่มีน้ำ”
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการรายงาน ของกรรมการสมาคมฯในแต่ละจังหวัดแจ้งว่าฝนตกถ้วนทั่วทั้งจังหวัด ทำให้บางพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยกลับได้รับอานิสงส์จากพายุนี้ ทำให้ชาวนาเร่งใส่ปุ๋ยเพื่อให้ข้าวเจริญเติบโต (สูงโตกว่าหญ้า) ร้านขายปุ๋ยบางร้านบอกว่าปุ๋ยขายดีจนยอดขายเท่าปีที่แล้วแล้ว อย่างไรก็ตามแม้จะได้รับน้ำมากขึ้น แต่สำหรับในบริเวณพื้นที่ๆประสบปัญหามาเป็นระยะเวลายาวนานนั้นก็อาจจะต้องมีการประเมินเพิ่มว่าผลผลิตจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้กี่เปอร์เซ็นต์
เช่นเดียวกับทางภาคเหนือในปีนี้ คาดว่าปลายเดือนตุลาคม จะเริ่มมีการเก็บเกี่ยวข้าวกข.15 (มะลิ) และคาบเกี่ยวต่อเนื่องเดือนพฤศจิกายน จะเริ่มทำการเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิ105 ซึ่งในปีนี้น่าจะเก็บเกี่ยวเร็วกว่าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) อีกด้วย
ส่วนพื้นที่ภาคกลางส่วนใหญ่ขณะนี้ ยังอยู่ในช่วงเวลาเก็บเกี่ยว ซึ่งเก็บเกี่ยวไปกว่า 50% ของพื้นที่ แต่เป็นการทยอยเก็บเกี่ยวเนื่องจากเกษตรกรชาวนาทำนาไม่พร้อมกัน และส่วนที่เก็บเกี่ยวไปแล้วก็ทยอยไถหว่านทำการเพาะปลูกต่อเนื่อง ส่วนภาคกลางที่เป็นพื้นที่นาดอน (นานำ้ฝน) ปลูกข้าวนาปี (หอมะลิภาคกลาง) เช่น นครสวรรค์ สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นมากนัก ยังคงมีการสูบนำ้ตามแหล่งนำ้ยังคงต้องเฝ้าติดตาม ซึ่งในบางพื้นที่ได้เปลี่ยนจากพันธุ์ข้าวไวแสงที่ปลูกไปแล้วแต่กระทบภัยแล้งจึงไถ่ทิ้ง แล้วหันมาปลูกพันธุ์ข้าวไม่ไวแสง (เป็นพันธุ์ที่ปลูกได้ทั้งนาปีและนาปรัง) เพื่อให้ทันกับสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน