จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับ“อีซูซุ คาราวานสัญจร” กิจกรรมที่ชักชวนผู้ใช้รถอีซูซุจากทั่วประเทศไปร่วมขับขี่ท่องเที่ยวในรูปแบบคาราวานครอบครัว ซึ่งในปีนี้ยังคง 4 เส้นทางหลัก อันประกอบไปด้วยเส้นทางแรก บึงกาฬ -อุดรธานี, เส้นทางที่ 2 ชัยนาท - นครราชสีมา (เขาใหญ่), เส้นทางที่ 3 ไทย-เมียนมา (ทวาย ) และปิดท้ายเส้นทางที่ 4 กระบี่ - นครศรีธรรมราช
สำหรับฐานยานยนต์ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ในเส้นทางที่ 3 ไทย (กาญจนบุรี) -เมียนมา (ทวาย) ระหว่างวันที่ 8-11 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นตามสไตล์ประชาคมอีซูซุ โดยมีผู้อำนวยการจัดคาราวานคืออาจารย์พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ และมีครอบครัวอีซูซุที่เข้าร่วมจำนวน 25 คัน มีทั้ง รถอีซูซุมิว-เอ็กซ์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ ,รถอีซูซุดีแมคซ์ ไฮแลนเดอร์ และรถอีซูซุดีแมคซ์ วี-ครอส 4x4
จุดเริ่มต้นการเดินทางในครั้งนี้ ออกสตาร์ต กันที่ บริษัท อีซูซุกาญจนบุรี จำกัด และมีจุดหมายปลายทางคือเมืองทวาย ที่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเมียนมา โดยเบ็ดเสร็จระยะทางของการเดินทางในทริปนี้คือ 170 กิโลเมตร ซึ่งหลังจากตีธงปล่อยขบวนรถออกจากโชว์รูม จุดหมายปลายทางต่อไปคือการข้ามพรมแดน โดยจะต้องผ่านด่านพุน้ำร้อนของประเทศไทยไปยังด่านติกิ ของประเทศเพื่อนบ้าน
หลังจากรถทุกคันผ่านด่านข้ามแดนติกิ การผจญภัยทั้งหลายก็กำลังเริ่มขึ้น เพราะระยะทางที่บอกว่า 170 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมง งานนี้บอกได้เลยว่าไม่ง่าย
เส้นทางที่ว่าไม่ง่าย เริ่มตั้งแต่ทางลูกรัง ขรุขระ และเป็นทางเขา มีบางช่วงสูงชัน สลับโค้งคดเคี้ยวเลี้ยวไปมาและสิ่งที่เหล่านักเดินทางทั้งหลายต้องเจอในยามหน้าฝน คือหลุมบ่อ ที่เดิมอาจจะหลุมเล็ก แต่เมื่อเจอฝนกัดเซาะเข้าไป ก็ทำให้หลุ่มเหล่านี้ขยายวงกว้างขึ้น ทำให้การเดินทางยากและใช้เวลาเพิ่มขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นทริปนี้ตลอดการเดินทางยังมีแต่สายฝนโปรยปราย ทำให้บางช่วงบางตอนก่อนจะถึงทวายได้เจอกับนํ้าท่วม แต่ทั้งหมดนี้รถทุกคันของเหล่าประชาคมอีซูซุก็ผ่านมาได้
นอกจากสัมผัสกับเส้นทางที่โหดหินแล้ว กิจกรรมของขบวนคาราวานยังไม่หมด เพราะตลอด 2 วันที่ทวาย เหล่าประชาคมอีซูซุได้เดินทางท่องเที่ยวสถานที่สำคัญ เริ่มตั้งแต่ “วัดชินตาเลียว” (Reclining Buddha of Dawei) หรือพระนอนเมืองทวาย ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลตะนาวศรี และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศเมียนมา มีความยาว 74 เมตร สูง 21 เมตร อายุเกือบ 100 ปี
จุดหมายปลายทางต่อมาคือ “วัดชินเต๊าป่ง” (Shin Taunk Pone Pagoda) 1 ใน 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวทวายเลื่อมใส โดยวัดนี้ตั้งอยู่บนเขาสูงกว่า 2,000 กว่าฟุต เมื่อขึ้นไปถึงจะมองเห็นวิวของทวายได้ทั้งหมด
สถานท่องเที่ยวต่อมายังคงเป็นวัด “วัดชินเต๊าเถ่ง” (Shin Tauk Htein) 1 ใน 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเมียนมาเลื่อมใส ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปเก่าแก่ 3 องค์ที่ชาวบ้านศรัทธามาแต่โบราณ ตำนานเล่าว่ามีเกษตรกร 2 สามีภรรยา ไปขุดเนินนี้แล้วเจอพระพุทธรูปอายุประมาณ 1,000 ปี จึงสร้างวัดขึ้นมาตรงจุดที่พบพระพุทธรูป ซึ่งชาวเมียนมาเชื่อว่าท่านเป็นพระพุทธรูปมีชีวิต เพราะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจากเดิมจนถึงปัจจุบันมีขนาดใหญ่ขึ้น 5 นิ้ว และบางครั้งสีตาของพระพุทธรูปก็เปลี่ยนไปจากปกติ เชื่อกันว่าเมื่อมาที่นี่สามารถขอให้ได้ฌาน มองอนาคตได้ และบรรลุในธรรม
ขบวนคาราวานเดินทางมาต่อที่“วัดเมียวยิต” (Myaw Yit Pagoda) ที่เกาะลอย Se Pin ซึ่งถือเป็นวัดที่มีพื้นที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ติดชายทะเลฝั่งอันดามัน ด้านในวัดมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และเจดีย์มากมาย
อีกหนึ่งวัดที่เป็นไฮไลต์ของทริปนี้คือ “วัดชเวตองซา” (Shwe Taung Sar Zedi) วัดสำคัญของเมืองทวาย มีองค์พระเจดีย์ที่ใหญ่และสูงที่สุดในเมืองทวาย จำลองมาจากเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปโลกะมารชินปางมารวิชัย อายุกว่า 140 ปี วัดแห่งนี้ก่อสร้างเมื่อปี 2304 มีอายุมากกว่า 250 ปี ภายในมีพิพิธภัณฑ์แสดงวัตถุโบราณต่างๆ มากมาย อาทิ ปืนใหญ่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธรูปสำริดศิลปะแบบไทย และดาบสมัยโบราณ โดยชาวทวายนิยมมาไหว้พระขอพรยามคํ่าคืน
ปิดท้ายของทริปนี้ด้วย “วัดชินดะเวย” (Shin Dat Wae Pagoda) ถือเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดของเมืองทวาย มีประวัติยาวนานกว่าพันปี
เรียกได้ว่าอิ่มบุญกันทั้งขบวนคาราวาน และแม้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวตัวเมืองทวายในช่วง 2 วันจะเจอทั้ง (พายุ)ลม-(พายุ) ฝน ที่โหมกระหนํ่าแถมบางช่วงต้องเจอกับนํ้าท่วมใหญ่ แต่ทุกคนในทริปก็ไม่หวั่น เพราะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ชุ่มฉํ่าท้าทายและแปลกใหม่ ตลอดการเดินทาง
ส่วนผู้ใช้รถอีซูซุท่านอื่นๆที่สนใจร่วมสนุกในรูปแบบการขับขี่เป็นขบวนคาราวานท่องเที่ยวรูปแบบนี้ ก็ติดตามข่าวสารจากทางอีซูซุ แต่กระซิบบอกก่อนเลยว่า ปีนี้ถูกจองเต็มหมดแล้ว เอาเป็นว่าใครอยากร่วมกิจกรรมนี้ก็ติดตามได้ในปีหน้าฟ้าใหม่
หน้า27-28 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,500 วันที่ 29 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562