ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไสลเกษเคยผ่านการพิจารณาพิพากษาคดีสำคัญหลายคดี อาทิ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ร่วมพิจารณาคดีทุจริตโครงการระบายข้าวรัฐต่อรัฐ(จีทูจี)นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ คดีรับจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์ องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์คดีสลายม็อบ พธม. เป็นเจ้าของสำนวนคดีฟ้องนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี (หมอเลี๊ยบ) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และองค์คณะคดีทุจริตแปลงสัมปทานโทรคมนคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต ที่ฟื้นคดีฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาพิจารณาลับหลังด้วย
นอกจากนี้่ประชุมยังมีมติแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงในศาลยุติธรรมอีกหลายตำแหน่ง อาทิ นายวิชัย เอื้ออังคณากุล รองประธานศาลฎีกา เป็นประธานศาลอุทธรณ์ นางเมทินี ชโลธร ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา นายประทีป ดุลพินิจธรรมา ประธานแผนกคดีภาษีอากรในฎีกา นายนพพร โพธิรังสิยากร ประธานแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา และายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา เป็นรองประธานศาลฎีกา
นายประมวญ รักศิลธรรม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลฎีกา นางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา นายอธิป จิตต์สำเริง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา นางวาสนา หงส์เจริญ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา นายพศวัจณ์ กนกนาก ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา นายนิพันธ์ ช่วยสกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นประธานแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา