สื่อโฆษณาทรุด ผู้ผลิตคอนเทนต์ดิ้นหาช่องทางเพิ่มรายได้พยุงธุรกิจ “ทีวีธันเดอร์” พลิกตัวจากทีวีสู่ออนไลน์ พร้อมดึงดารา ศิลปินสร้างช่องรายการบน Youtube ด้าน “เซ้นส์” แตกไลน์ธุรกิจเครื่องสำอาง หวังจับฐานผู้ชมเลดี้ พร้อมดึงลิซ่า Blackpink ขึ้นพรีเซนเตอร์เชื่อกระแสตอบรับดี
ในวันที่ภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาเติบโตลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการสื่อต้องดิ้นรนหาวิธีการหารายได้เพิ่มขึ้นเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด เช่นเดียวกับผู้ผลิตคอนเทนต์โพรไวเดอร์ที่ประสบปัญหาเดียวกัน และในช่วงเวลาที่ผ่านมา 2 ค่ายผู้ผลิตคอนเทนต์รายใหญ่ในประเทศไทย อย่าง ทีวีธันเดอร์ และเซ้นส์ เอนเตอร์เทน ก็ได้ปรับแผนธุรกิจและทรานส์ฟอร์มจากการเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์สู่ธุรกิจใหม่อื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ ธุรกิจเครื่องสำอาง หรือการปรับคอนเทนต์จากช่องทีวีสู่ออนไลน์บน Youtube เป็นต้น
นายพิรัฐ เย็นสุดใจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาการลงทุน บมจ.ทีวีธันเดอร์ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทพบว่าสื่อออนไลน์มีอัตราการเติบโต ก้าวกระโดด ขณะที่รายได้จากโฆษณาทีวีอยู่ในช่วงทรงตัว ดังนั้นบริษัทจึงต้องหาวิธีการเพิ่มรายได้จากช่องทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้บริษัทจะพยายามมุ่งผลิตคอนเทนต์ไปยังช่องทางออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Youtube มากขึ้นทั้งในรูปแบบของการนำรายการจากช่องทีวีมาปรับแต่งใหม่แล้วนำไปออกอากาศบนช่องทางออนไลน์ หรือการนำนักแสดงต่างๆ มาร่วมสร้างช่องรายการใน Youtube เช่น ดีเจ้นุ้ย เมญ่า เบ็นซ์-พรชิตา เป็นต้น
พิรัฐ เย็นสุดใจ
“ในปีนี้บริษัทพยายามหาช่องทางใหม่ๆ ในการเพิ่มรายได้ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่เติบโตก้าวกระโดดปีละ 30-40% และที่ผ่านมาบริษัทได้ทด ลองนำคอนเทนต์ไปออกอากาศบนช่องทางออนไลน์บ้างแล้ว ซึ่งจากการทดลองพบว่ามีการตอบรับที่ดีจากผู้ชมรวมทั้งรายได้ที่ก้าวกระโดดกว่า 30-40% ทุกปี
แม้ช่องทางออนไลน์จะเติบโตก้าวกระโดดแต่ในด้านสัดส่วนรายได้ของรายได้จากกลุ่มธุรกิจออนไลน์ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับสื่อหลักที่ปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้นของกลุ่มธุรกิจทีวีธันเดอร์”
ทั้งนี้ในด้านของรายได้ของทีวีธันเดอร์ บริษัทตั้งเป้าในสิ้นปีนี้จะมีรายได้กว่า 520 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อนราว 10-15% ขณะที่สัดส่วนรายได้ยังคงมาจากรายได้โฆษณากว่า 80% และที่เหลือออนไลน์และอีเวนต์ 20%
วราวุธ เจนธนากุล
ด้านนายวราวุธ เจนธนากุล เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ แต่ล่าสุดบริษัทได้มีโอกาสร่วมทำธุรกิจกับ บริษัท มาลาคี จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ค้าปลีกเครื่องสำอางมายาวนาน โดยจัดตั้งบริษัทภายใต้ชื่อ บริษัท เวลโค จำกัด เพื่อทำธุรกิจตลาดเครื่องสำอางในการเป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายเครื่องสำอาง moonshot ในประเทศไทยพร้อมทั้งยังได้ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ LISA BLACKPINK เป็น Brand Ambassador และพรีเซนเตอร์ ซึ่งหลังจากวางจำหน่ายเครื่องสำอาง moonshot แล้วบริษัทเชื่อว่ารายได้กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางจะเข้ามาช่วยผลักดันรายได้กลุ่มให้เพิ่มขึ้น หลังจากรายได้โฆษณาสื่อเติบโตลดลง
“ปัจจุบันรายได้สื่อมีอัตราการเติบโตลดลง ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทต้องหาวิธีการเพิ่มรายได้ในรูปแบบหลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาบริษัทพบว่ากลุ่มธุรกิจค้าปลีกและเครื่องสำอางมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง จึงทำให้บริษัทสนใจและเข้าไปศึกษาตลาดจนกระทั่งได้จับมือร่วมกับบริษัท มาลาคี จำกัด หรือแบรนด์ moonshot แบรนด์บิวตี้จาก YG Entertainment ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ที่สร้างไอดอล บอยแบนด์ และเกิร์ลกรุ๊ป ที่ได้รับความนิยมไปทั้งเอเชียและทั่วโลก”
จุดเด่นของแบรนด์ moonshot นอกจากการชูคุณภาพเครื่องสำอางเทียบ Counter Brand ในราคาจับต้องได้ และวางจำหน่ายเฉพาะร้าน 7-Eleven กว่า 7,000 สาขาแล้ว ยังได้พรีเซนเตอร์อย่างลิซ่า BLACKPINK มาเป็น Brand Ambassador และการที่ลิซ่า มีแฟนคลับติดตามกว่าทั่วโลกรวมทั้งมียอดผู้ติดตามใน Instagram มากกว่า 21 ล้านคน เชื่อว่าจะทำให้เครื่องสำอาง moonshot จะได้รับผลตอบรับที่ดีและมียอดขายในปีแรกกว่า 200-300 ล้านบาท
สำหรับการขยายธุรกิจเครื่องสำอางครั้งนี้ บริษัทมองว่าจะช่วยทำให้โครงสร้างธุรกิจเป็นระบบ Ecosystem มากขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทพบว่ากลุ่มผู้ชมรายการโทรทัศน์ของเซ้นส์ส่วนใหญ่กว่า 60% เป็นกลุ่มผู้หญิง และการขยายกลุ่มธุรกิจเครื่องสำอางครั้งนี้เพื่อหวังตอบโจทย์ฐานผู้ชมปัจจุบัน ขณะที่ในด้านรายได้ของกลุ่มบริษัทปีนี้คาดว่าจะสามารถทำรายได้เกือบ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์และโฆษณากว่า 650 ล้านบาท รายได้ธุรกิจค้าปลีกหรือเครื่องสำอาง 200-300 ล้านบาท และ 30 -40 ล้านบาทมาจากธุรกิจอีเวนต์
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3485 ระหว่างวันที่ 7 - 10 กรกฎาคม 2562