โรงงานแบตเตอรี่พร้อม BMWเล็งเพิ่มโมเดลใหม่"ปลั๊ก-อินไฮบริด"
“บีเอ็มดับเบิลยู” ยิ้มได้หลังซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ในไทย พร้อมเดินสายผลิตเต็มตัวเดือนกรกฎาคมนี้ รองรับโมเดลปลั๊ก-อินไฮบริดทั้ง ซีรีส์5,7 และจ่อเพิ่มในรุ่นใหม่ ซีรีส์ 3 และเอ็กซ์5 เอ็กซ์ 3 เพื่อรับภาษีสรรพสามิตตํ่าจาก 8% เหลือ 4% ส่วนเมอร์เซเดส-เบนซ์ เล็งเพิ่มขุมพลังลูกผสมใน“จีแอลซี”ขายปีหน้า
ตามที่ภาครัฐมีนโย-บายสนับสนุนโครงการรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งแบบไฮบริด,ปลั๊ก-อินไฮบริด และอีวี บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งญี่ปุ่น, เยอรมนี, จีน ให้ความสนใจยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนกันถ้วนหน้า ขณะที่ บีเอ็มดับเบิลยู กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้รับบัตรส่งเสริมจากบีโอไอประเภท “ปลั๊ก-อิน ไฮบริด” มีแผนเปิดรถใหม่หลายรุ่น พร้อมแบตเตอรี่ที่ประกอบจากโรงงานในไทย เตรียมรับภาษีสรรพสามิตลดลงจาก 8% เหลือ 4%
สำหรับเมอร์เซเดส -เบนซ์ ยังคงผนึกกำลังกับโรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ โดยใช้เงินลงทุน 4,000 ล้านบาท เพื่อเดินสายประกอบแบตเตอรี่ ขณะที่บีเอ็ม ดับเบิลยู ใช้“แดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป” ประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง ด้วยเงินลงทุนกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งโรงงานพร้อมเดินเครื่องภายในเดือนกรกฎาคมนี้
นายคริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า แบตเตอรี่แรงดันสูงที่ประกอบสมบูรณ์แล้ว จะถูกส่งไปที่โรงงานบีเอ็ม ดับเบิลยู จังหวัดระยอง เพื่อติดตั้งในรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ตระกูลซีรีส์ 5 และ ซีรีส์ 7 โดยหลังจากเริ่มเฟสแรกในปีนี้แล้ว บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ยังได้รับการอนุมัติการส่งสริมการลงทุนจากบีโอไอ ในการลงทุนเพิ่มเติมอีกกว่า 700 ล้านบาท สำหรับการประกอบรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริดในอนาคต
ปัจจุบันโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมกันทั้งหมด 13 รุ่น ส่วนสายการประกอบรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด มี 2 รุ่นได้แก่ 530e และ 740 Le
ชัดเจนว่าแนวรุกของบีเอ็มดับเบิลยูจะเริ่มจากปลั๊ก–อินไฮบริด ก่อนที่จะขยับไปถึงอีวี ซึ่งสอดคล้องกับคำยืนยันของผู้บริหารใหญ่จากเยอรมนี อย่าง นายแอนเดรียส อัลมานน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า และ BMW I บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ว่า ประเทศไทยต้องดูความพร้อมหลายด้าน หากจะมีการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบบบีอีวี โดยต้องดูทั้งการตอบรับและความต้องการของผู้บริโภค รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆว่ามีมากน้อยขนาดไหน แต่เบื้องต้นเมื่อดูยอดขายต่างๆของบีเอ็มดับเบิลยูในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ในกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด มีการเติบโตถึง 122% ในปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นสัดส่วนการขายกว่า 24% ของยอดขายบีเอ็มดับเบิลยูทั้งหมด
แอนเดรียส อัลมานน์
“เราถือเป็นเจ้าแรกที่ทำตลาด ด้วยการเปิดตัว i3 หลังจากนั้นก็มี i8 และในปี 2568 เราจะมีมากถึง 25 รุ่น ซึ่งในช่วงปลายปีนี้จะเริ่มได้เห็นแล้ว จากแผนงานและกลยุทธ์ทั้งหมดที่เราวางไว้ถือว่าไม่ได้ช้าแต่อย่างใด แถมเรายังมีความหลากหลายของโมเดลที่ออกมาตอบโจทย์กับผู้บริโภค ในส่วนของประเทศไทยนั้นเรายืนยันว่าเมื่อตลาดมีความพร้อมเราก็จะนำมาเปิดตัวและทำตลาดต่อไป”
“เป้าหมายของบีเอ็มดับเบิลยูในระดับโลก คาดว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 5 แสนคันวิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วโลก นอกจากนั้นแล้วบีเอ็มดับเบิลยูยังวางแผนในปี 2564 จะมีรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 5 รุ่นได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู i3 ,
มินิ อิเล็กทริก, บีเอ็มดับเบิลยู IX 3 ,บีเอ็มดับเบิลยู i4 และบีเอ็มดับเบิลยู Inext และภายในปี 2568 บีเอ็มดับเบิลยู i จะมีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 25 รุ่น แบ่งออกเป็น บีอีวี 12 รุ่น และอีก 13 รุ่นจะเป็นแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด” นายอัลมานน์ กล่าวปิดท้าย
สำหรับโมเดลปลั๊ก-อินไฮบริด ที่บีเอ็มดับเบิลยู เตรียมทำตลาดในไทยเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีซีรีส์ 5 และ ซีรีส์ 7 คือ ซีรีส์3 โฉมใหม่ (G20) เอสยูวี “เอ็กซ์ 5 โฉมใหม่” และ “เอ็กซ์3” ที่จะเริ่มเห็นความชัดเจนในปีหน้า
ส่วนคู่แข่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีรถขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริดพร้อมเช่นกัน หรือครบในทุกรุ่นหลักคือ ซี-อี-เอส คลาส และปีหน้าจะมีเพิ่มเติมในกลุ่มเอสยูวีอย่าง “จีแอลซี โฉมเฟซลิฟต์” (แต่ปลายปีนี้จะประเดิมด้วยขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร บล็อกใหม่ก่อน)
“แน่นอนว่าอีวี หรือรถพลังงานไฟฟ้า100% เหมาะกับมหานครใหญ่ เพราะระยะทางวิ่งเพียงพอต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญคือไม่ปล่อยมลพิษไอเสีย ส่วนปลั๊ก-อินไฮบริดยังเป็นทางเลือกที่ดี เพราะต่อไปการวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวอาจจะได้ระยะทางมากขึ้นเป็น 80-100 กม.ใช้ในเมืองเพียงพอ แต่ถ้าจำเป็นต้องวิ่งไกลกว่านั้นยังมีเครื่องยนต์รองรับ ไม่ต้องห่วงเรื่องการชาร์จไฟ” นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศ ไทย) จำกัด กล่าว
ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ยังมีแผนนำเข้าอีวีรุ่น “อีคิวซี” มาเปิดตัวในเมืองไทยปลายปีนี้
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,482 วันที่ 27 - 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562