ท่องเที่ยวปี2562โตแผ่ว ส่อพลาดเป้า 8 หมื่นล้าน

       ผ่านมาแล้วครึ่งทางสำหรับการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ ซึ่งถือว่าอยู่ในสภาวะทรงตัว เบ็ดเสร็จ 6 เดือนแรกของปีนี้ ไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวราว 19.9 ล้านคน เติบโต 2% เท่านั้น สร้างรายได้เข้าประเทศราว 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากผลกระทบจากเทรดวอร์ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การแข็งค่าของเงินบาท เป็นแรงกดดัน

บาทแข็งฉุดท่องเที่ยว

        นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เผยว่าการท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมาถือว่าชะลอตัวไป สิ่งที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งสวนทางกับประเทศรอบข้างที่ยังอ่อนค่าอยู่ การแข็งค่าของเงินบาทกระทบต่อนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล อาทิ ยุโรป 1 ยูโร อยู่ที่ราว 34.85 บาท ออสเตรเลีย 1 ดอลลาร์ออสเตรเลีย อยู่ที่ 21.41 บาท ตุรกี 1 ลีราตุรกี อยู่ที่ 5.28 บาทอังกฤษ 1 ปอนด์อยู่ที่ 39.21 บาท สหรัฐอเมริกา 1 ดอลลาร์อยู่ที่ 30.85 บาททำให้มาเที่ยวไทยแพงขึ้น

        ส่วนตลาดหลักอย่างจีนเดิม 1 หยวนอยู่ที่ 5.50-5.60 บาทตอนนี้อยู่ที่ 4.20 บาท แต่การชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนเป็นเพราะการขายกรุ๊ปทัวร์มาไทยเริ่มลดลง เนื่องจากไม่สามารถขายทัวร์ 0 เหรียญได้ง่ายเหมือนสมัยก่อน เพราะไทยมีนโยบายทำทัวร์คุณภาพ แต่ยังสามารถขายแบบนี้ในเวียดนามหรือกัมพูชาได้ ประกอบกับเอเยนต์ทัวร์จีน กำไรเริ่มน้อยลง เพราะคนจีนไม่ช็อปปิ้งมากมายเหมือนในอดีต เนื่องจากทุกวันนี้เป็นการซื้อผ่านออนไลน์เป็นหลัก 

       ทำให้เอเยนต์ที่ขายทัวร์ศูนย์เหรียญหันไปขายทัวร์เข้าประเทศเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะวันนี้แม้การเติบโตของกรุ๊ปทัวร์จะไม่สูงเหมือนอดีต ที่อาจจะกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอยู่บ้าง แต่ก็จะทำให้เรามีนักท่องเที่ยวคุณภาพเพิ่มขึ้น เพราะมีการขยายตัวของนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง (เอฟไอที) จีนเพิ่มสูงอยู่ที่ 60% ซึ่งเราควรเน้นขยายตลาดกลุ่มนี้ และหันไปเพิ่มตลาดที่มีการเติบโตสูงเช่น อินเดีย อาเซียน เพื่อลดการพึ่งพาตลาดจีนเป็นหลัก นายชัยรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

รุกปั๊มอินเดีย-อาเซียน

       นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เผยว่า ต้องยอมรับว่าสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ส่งผลอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นกลางของจีน ที่เริ่มรัดเข็มขัด ส่งผลให้การเดินทางระยะไกลอาจชะลอตัวลง และที่สำคัญคือจีนมีการส่งเสริมให้คนเดินทางเที่ยวในประเทศอย่างหนักหน่วง แทบจะทุกมณฑลจะมีการจัดงานแฟร์ด้านการท่องเที่ยว ประกอบกับรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นได้ทุ่มงบลงทุนพัฒนาทางรถไฟ สนามบินต่างๆ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว

       ดังนั้นในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ คงจะไม่เห็นว่าตลาดจีนจะเติบโตแบบหวือหวา เราพยายามจะรักษาการเติบโตให้ได้อยู่ แต่ก็คาดว่าน่าจะไม่เกิน 10% โดยเน้นเจาะเซ็กเมนต์ในแต่ละเมือง อย่าง ปักกิ่ง มุ่งเรื่องเวลเนส การชะลอการจัดแฟมทริป ปรับเป็นการร่วมมือกับเอเยนต์หรือสายการบินแทน โดยเฉพาะในเมืองรอง ที่แม้จะเป็นเมืองรองแต่ก็มีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน 

การรุกโปรโมตตลาดอินเดียมากขึ้น ปัจจุบันมีหลายเที่ยวบินจากหลายเมืองบินตรงเข้าภูเก็ต ททท.ก็จะมุ่งเจาะตลาดครอบครัว กลุ่มสกูลฮอลิเดย์ รวมถึงตลาดลาว เวียดนาม ญี่ปุ่น ที่มีการขยายตัวที่ดี ซึ่งเราจะโฟกัสไปที่การทำคอนเทนต์ที่ต้องสื่อให้เห็นว่ามาเที่ยวไทยมีความแตกต่างจากการเที่ยวภายในประเทศของเขาอย่างไร

        นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย (ททท.) กล่าวว่า จากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป และการแข็งค่าของเงินบาท ส่งผลให้ททท.ต้องติดตามผลกระทบที่มีต่อการท่องเที่ยวของไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ของตลาดในภูมิภาคนี้มีอาการที่แตกต่างกัน โดยหลักๆ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

1. กลุ่มที่มีอาการป่วย เช่นตลาดตะวันออกกลางลดลง ตลาดสหราชอาณาจักร อยู่ในภาวะทรงตัว บวกลบอยู่ที่ 1-2% รัสเซียเริ่มมีผลกระทบ เนื่องจากค่าเงินของตุรกีตก ทำให้คนรัสเซีย เลือกที่จะบินระยะใกล้ไปเที่ยวตุรกีมากขึ้น เพราะแพ็กเกจ ราคาถูกกว่ามาไทย 2. กลุ่มตลาดที่ยังเติบโตอย่างแข็งแรง เช่น กลุ่มสแกนดิเนเวีย ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์

     ดังนั้นการที่ภาพรวมตลาดยุโรปลดลง ทำให้เราต้องเข้าไปหาสาเหตุ และแก้ปัญหา โดยในส่วนของตลาดตะวันออกกลางเน้น เจาะกลุ่มข้าราชการที่อยู่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐราว 2 แสนคน ถ้ารวมสมาชิกในครอบครัวก็กว่า 8 แสนคน ส่วนตลาดสหราชอาณาจักร ททท.ก็จะจัดทำโครง การ Thailand For You เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม กระตุ้นให้มาเที่ยวไทยช่วงโลว์ซีซันนี้ เป็นต้น

คนไทยเที่ยวนอกเฮ

       แม้การท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรกจะชะลอตัวไป แต่สทท.ก็คาดว่าในครึ่งปีหลังน่าจะโตเป็นปกติ ทำให้ในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทย 40.06 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.65% ทั้งคาดว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.23% (ตารางประกอบ) ซึ่งอาจตํ่ากว่าเป้าหมายที่ททท.วางไว้ที่ 2.21 ล้านล้านบาท

       ส่วนการเดินทางเที่ยวในประเทศของคนไทย ก็ยังคงเติบโต เนื่องจากมีวันหยุดยาวหลายช่วง แต่กำลังใช้จ่ายอาจจะไม่สูง เพราะคนยังกังวลเรื่องของเศรษฐกิจ จึงประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเลือกเที่ยวระยะใกล้ และบางส่วนก็เลือกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะเงินบาทแข็งค่า ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูกลง รวมถึงการจัดแพ็กเกจตั๋วเครื่องบินถูกหรือโปรไฟไหม้ที่มีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคนไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 เพราะไม่ต้องทำวีซ่า โดยปัจจุบันคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศอยู่ที่ราว 10 ล้านคนต่อปี

ทั้งหมดล้วนเป็นภาพรวมการท่องเที่ยวช่วงครึ่งปีแรก แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้   

รายงาน โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3482 ระหว่างวันที่ 27 - 29 มิถุนายน 2562