ปี 2558 รัฐบาลได้มีการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการที่ทำมาตรฐานระบบบัญชีเดียวไม่ต้องถูกตรวจสอบภาษี หรือละเว้นให้ โดยในช่วงเวลานั้นมีผู้ประกอบการที่เข้าจดทะเบียนกว่าหลายแสนราย ซึ่งประเด็นที่สำคัญก็คือหลายรายได้ไปจดยื่นความจำนงว่าจะทำบัญชีเดียว โดยมาตรการดังกล่าวรัฐได้มีการกำหนดว่าเมื่อถึงปี 2562 หากยังไม่ทำบัญชีเดียวจะขอสินเชื่อลำบาก ซึ่งได้มีการส่งหนังสือไปยังสถาบันการเงินให้ปล่อยกู้แก่ผู้ประกอบการที่ทำบัญชีเดียว โดย ณ เวลานี้ก็ถึงเวลาครบกำหนดบังคับใช้บัญชีเดียว แต่ดูเหมือนว่าเอสเอ็มอี (SMEs) จำนวนมากยังไม่ดำเนินการ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้จับมือกับพันธมิตรจัดเวทีเสนาขึ้นภายใต้หัวข้อ Success Case “SMEs ชั้นดีเริ่มที่บัญชีเดียว” ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพ รัชดา โดยเชิญวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีเดียวมาให้ความรู้ พร้อมคำแนะนำ
นายปรีชา ส่งวัฒนา ประธานบริหาร FN OUTLET และประธานกรรมการบริหารสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (SMI) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตนก็ไม่ได้ทำบัญชีเดียวตั้งแต่เริ่มต้น ยังคงใช้วิธีการหลบเลี่ยงการเสียภาษีบ้างเมื่อช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากรู้สึกเสียดายผลกำไรที่ได้จากการทำธุรกิจ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นแนวคิดที่ถูกต้อง
แต่เมื่อทำธุรกิจไปได้สักระยะและต้องการขยายให้ใหญ่ขึ้น โดยจะต้องขอสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งปรากฏว่างบของบริษัทและงบของธนาคารมีความแตกต่างกัน เพราะเมื่อต้องการสินเชื่อทุกรายย่อมบอกว่าธุรกิจดีมีกำไรมาก แต่ในงบไม่ได้เป็นแบบนั้น โดยธนาคารจะเชื่อตามงบที่ยื่นให้กับกรมสรรพากร
ในลำดับถัดมาจึงใช้วิธีการตกแต่งงบให้ดูพอใช้ได้ในสายตาของธนาคารและสรรพากร แต่สิ่งที่ตามมาคือความหวาดผวาเมื่อต้องเห็นเจ้าหน้าที่จากสรรพากร เกรงว่าจะถูกปรับค่าภาษี ทำไปได้ไม่นานจึงเริ่มรู้สึกแล้วว่าเป็นแนวทางที่ผิด เปรียบเสมือนการติดกระดุมเม็ดแรกผิด ซึ่งจะทำให้เม็ดต่อไปผิดไปด้วย
“หากเราคิดว่าภาษีไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่เป็นหน้าที่หรือต้นทุน โดยดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยทำให้เป็นเครื่องมือชี้วัดในการทำธุรกิจได้อย่างแท้จริง ถ้าเราเริ่มติดกระดุมเม็ดแรกถูก ทำสิ่งที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น จะเป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงช่วยวัดความสามารถ และฐานะทางธุรกิจอย่างชัดเจน อีกทั้งลูกน้องก็ไม่สามารถคดโกงได้
นอกจากนี้ยังช่วยให้รู้สถานการณ์ของธุรกิจซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ ขณะที่การขอสินเชื่อจากธนาคารก็สะดวกสบายมากขึ้น”
นางพรรณี วรวุฒิจงสถิต กรรมการภาษีอากรหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทำบัญชีไม่ใช่เรื่องที่สลับซับซ้อน โดยที่เรียกว่าการทำบัญชีเดียวก็คือบัญชีที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งความหมายก็คือการจดบันทึกทุกอย่างแบบถูกต้องทั้งรายรับรายจ่าย ไม่ต้องสนใจทฤษฎีมากนัก โดยการทำบัญชีเดียวจะเป็นเครดิตที่ดีที่สุดของผู้ประกอบการ เพราะบัญชีที่ดีจะเป็นเครื่องมือที่บ่งบอกสถานะทางการเงินของผู้ที่ทำธุรกิจได้ว่าจะรวยหรือจน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าได้
ขณะที่ธนาคารเองเมื่อเห็นบัญชีที่ถูกต้องก็จะวิเคราะห์สินเชื่อได้ง่าย เนื่องจากสิ่งที่ธนาคารต้องการจะทราบก็คือที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนในการปล่อยสินเชื่อให้ การขอสินเชื่อก็ไม่ยุ่งยาก โดยกลับกันหากไม่มีบัญชีที่ถูกต้องจะเอาส่วนใดไปแสดงให้ธนาคาร ได้เห็น ซึ่งสิ่งที่จะบอกว่าดีได้จะต้องมีหลักฐานยืนยัน โดยการมีบัญชีที่ดีคือการเก็บหลักฐานที่ถูกต้องครบถ้วน เมื่อกรมสรรพากรมาตรวจสอบก็ไม่ต้องหวาดระแวง
นายทัฬห์ สิริโภคี ประธานชมรมเพื่อพัฒนาธุรกิจ SME สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การ ทำบัญชีเดียวจะทำให้การวางแผนธุรกิจดีขึ้น ช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายเป็นที่ชื่นชอบของธนาคาร เนื่องจากสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง หากต้องการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่ประเทศไทย (ตลท.) ก็ทำได้ไม่ยาก อีกทั้งยังช่วยลดความขัดแย้งระหว่างหุ้นส่วนที่ทำธุรกิจร่วมกันได้ด้วย เพราะมีตัวเลขต้นทุนและกำไรที่ชัดเจน โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมางบเดียวที่ธนาคารใช้วิเคราะห์สินเชื่อคืองบที่ผู้ประกอบการยื่นต่อกรมสรรพากร
“สิ่งที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกรมสรรพากรดำเนินการคือการช่วยเอสเอ็มอีที่มีรายได้ตํ่ากว่า 500 ล้านบาท โดยอยากให้เชื่อว่าการทำทุกอย่างให้ถูกต้องเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพื่อความสบายใจ ขณะที่ธนาคารเองก็ปล่อยสินเชื่อได้ง่าย แม้ไม่ต้องพบกับผู้ประกอบการ”
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,452 วันที่ 14 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2562