ก้าวใหม่สมาคมชาวนาฯคิกออฟเปิดประมูลข้าวเปลือกครั้งแรกของไทยนำร่องมหาสารคาม หวังสร้างความเป็นธรรมให้ชาวนาสามารถกำหนดราคาขายได้ เลียนโมเดลประมูลยางพารา วงการจับตา!นับถอยหลังประมูล”สำเร็จ”หรือ “ล่ม”
นายณรงค์ คงมาก เลขานุการนายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ระบบการสื่อสารและการทำธุรกิจการค้าในปัจจุบันในประเทศไทยและทั่วโลก เปลี่ยนแปลงสู่ระบบตลาดแบบดิจิตอลอย่างสมบูรณ์แบบ ขอบเขตและพื้นที่ของการค้าขายสามารถดำเนินการระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขาย ได้ทั่วโลก หากกลุ่มอาชีพใดและผู้ประกอบการรายใดไม่สามารถปรับกิจการการดำเนินด้านการขาย การตลาด ให้ทันกับ
เทคโนโลยีในยุคดิจิตอล จะมีความเสี่ยงสูงในการอยู่รอดของอาชีพความไม่เท่าทันความสามารถในการแข่งขันระหว่างกลุ่มอาชีพเดียวผลผลิตชนิดเดียวกันระหว่างประเทศลดลงและเกิดความไม่เป็นธรรมระหว่าง”
ผู้ประกอบการในข้อต่อห่วงโซ่เศรษฐกิจสินค้านั้นๆ”ทั้งในประเทศของตนเอง และนานาชาติ
อีกทั้ง
กฎบัตรทางการค้าระหว่างประเทศเข้ามามีอิทธิพลต่อการ
กำหนดนโยบายของรัฐบาลต่างๆทั่วโลก มีข้อตกลงความร่วมมือ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างมากมาย
ทั้งแบบทวิภาคี พหุภาคี เข้ามามีบทบาทต่อรัฐบาลไทย ในการกำหนดนโยบาย และกฎหมายการค้าที่ขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้นดังนั้นต้องมี
การปรับตัวด้านการผลิต การตลาด การขายสินค้าของเกษตรกรไทยด้วยตัวเองให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงการค้าโลก จึงมีความสำคัญและจำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วน
ก่อนที่ระบบการค้าในตลาดดิจิตอลออนไลน์และผู้ประกอบการภาคธุรกิจการค้า จะเข้ามีอิทธิพลเหนือเกษตรกรไทย ก่อเกิดความไม่เท่าเทียมในการแข่งขันและการประกอบการ เกษตรกรปรับตัวไม่ทัน ซึ่งจะนาไปสู่การสูญสลายความเป็นอิสระทางด้านการดารงสถานะทางชีวิตและวัฒนธรรมไทย ภาวะหนี้สิน สภาวะล้มละลายและการสูญเสียที่ดินของครอบครัวเกษตรกรไทย และจะส่งผลต่อผู้ประกอบการข้าวไทยในห่วงโซ่ข้าวทั้งระบบ
ดังนั้น
สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย พร้อมกับ 3 องค์กรเครือข่ายกับ
บริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมเกษตรกรลุ่มน้าปากพนัง จำกัด บริษัทข้าวรวมพลังวิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด และ
บริษัทเทรดคอนเน็กซ์ จำกัด มีสานักงานใหญ่ของ”ศูนย์บริการ” อยู่ที่อาคาร W-District ( ดับเลิ้ลยูดิสทริค )จะเปิดตลาดเกษตรออนไลน์มี 3 รูปแบบของการให้บริการ คือ
1. การประมูล 2.การจับคู่ และ 3. การตกลงราคา โดยมีหลักปฏิบัติสำคัญ คือ 1) กลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ส่งมอบสินค้าตามคุณภาพที่กาหนดในข้อตกลง 2) ผู้ซื้อชำระเงินค่าสินค้าทั้งหมด ก่อนสินค้าออกจากจุดส่งมอบ และ 3) ศูนย์บริการตลาดเกษตรออนไลน์ รับผิดชอบในการบริหารระบบสนับสนุนการจัดการคุณภาพสินค้า กิจการในการรับและส่งมอบ บริหารระบบอินเตอร์เน็ตและซอฟแวร์ระบบปฏิบัติการ และการยุติกรณีพิพาทระหว่างผู้ซื้อและกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย (หากเกิดขึ้น)
ทั้งนี้
ศูนย์บริการตลาดเกษตรออนไลน์ ที่บริหารโดยบริษัทจดทะเบียนตามกฎหมาย จะดำเนินการภายใต้กรอบและข้อกำหนดของกฏหมายการพาณิชย์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบตลาดออนไลน์ ทั้งในประเทศไทยและสากล จะมีการรับสมัครผู้ซื้อ และกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย เข้าร่วมในการเข้ามาใช้บริการของศูนย์ฯ
หลังจากนั้นจะคัดเลือกคัดสรร ผู้ซื้อ และกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย
(ที่จัดตั้งขึ้นจากสมาชิกและเครือข่ายของสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย) ที่มีศักยภาพในการเข้ามาดาเนินการค้าขายสินค้าผ่านศูนย์บริการฯ จะออกยูสเซอร์เนม และ พาสเวิร์ด หรือ รหัสการเข้าใช้งานในระบบปฏิบัติการ ผ่านระบบโปรแกรมประยุกต์ทั้งในระบบคอมพิวเตอร์พื้นฐาน และโทรศัพท์มือถือ ควบคุมกำกับการเข้าถึงและการใช้ระบบปฏิบัติการของโปรแกรมตลาดเกษตรออนไลน์ของสมาชิกทุกรายทั้งฝ่ายผู้ซื้อและกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย การตรวจวิเคราะห์คุณภาพสินค้า และจัดแยกชั้นคุณภาพสินค้าก่อนนำสินค้าเข้าสู่กระบวนการตลาดออนไลน์ ให้ตรงตามเกรดคุณภาพที่ตกลงกันระหว่างกลุ่มเกษตรกรผู้ขายกับผู้ซื้อให้มากที่สุด
จากนั้นจะมีการจ่ายเงินค่ามัดจากการเข้าดำเนินการในตลาด ค่ามัดจำสินค้า และการจ่ายค่าสินค้า และการส่งมอบสินค้า ตามสัญญาข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย โดยความร่วมมือกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธกส.)
“
กรณีข้าวเปลือกสดและแห้ง ในช่วงการ
เปิดตลาดตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2562 เป็นต้นไป นั้น กำหนดให้ผู้ซื้อจ่าย
ค่าบริการให้ศูนย์บริการตลาดเกษตรออนไลน์ ตันละ 60 บาท จากปริมาณสินค้าที่ซื้อจากกลุ่มเกษตรกร และ
จ่ายค่าบริหารจัดการข้าวให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย คิดในอัตรา ตันละ 240 บาท รวมผู้ซื้อต้องจ่าย
ค่าการบริหารจัดการสินค้า ข้าวเปลือกตันละ 300 บาท (ไม่รวมค่าสินค้าที่ผู้ซื้อต้องจ่ายให้เกษตรกรแต่ละรายตามราคาที่ชนะการแข่งขันราคาหรือการตกลงราคา ค่าขนส่งจากจุดส่งมอบถึงสถานที่ประกอบการของผู้ซื้อ และค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน) กลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรที่เกิดจากการรวมกลุ่มของสมาชิกหรือเครือข่ายสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย จังหวัดละ 1 ตลาดมีบทบาทหน้าที่ ต่อไปนี้
จัดทำระบบข้อมูลสมาชิกที่ชัดเจน เชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้อมูลสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย พร้อมกับทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ ( QR code ) และระบุที่ตั้งแปลงในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ( แผนที่ ) วางแผนการผลิต ให้ได้สินค้าทางการเกษตรที่มีคุณภาพแบบครบห่วงโซ่ สามารถจัดแยกเกรด แยกชั้น สินค้าตามข้อตกลงกับฝ่ายผู้ซื้อได้ ส่งผลตรวจวิเคราะห์ข้าวเปลือกจากห้องปฏิบัติการที่ทางกลุ่มเกษตรกรและทางศูนย์บริการฯ กาหนด ให้กับผู้ซื้อได้ก่อนการประมูลอย่างน้อย 1 วัน ก่อนการเปิดตลาด
ทาง
ตลาดจะจัดตั้งคณะทำงานลงตรวจคัดกรองแปลงผลิต และ
ส่งรายงานผลการตรวจแปลงผลิต ก่อนการเก็บเกี่ยวทุกแปลงให้กับผู้ซื้อทราบทางการสื่อสารในระบบดิจิตอล ทั้งนี้ผลการตรวจแปลงทุกรายต้องแจ้งให้ศูนย์บริการฯทางอิเล็กทรอนิกส์ ทราบตามแบบฟอร์มที่ตกลงกับฝ่ายผู้ซื้อก่อนแล้ว โดยทางศูนย์บริการฯ จะเป็นผู้ส่งข้อมูลของทุกแปลงไปให้ผู้ซื้อทราบ
ก่อนการเปิดเวลาทำการของตลาดอย่างน้อย 1 วัน
“กรณีการประมูลข้าวสด ก่อนวันเก็บเกี่ยว ผลการตรวจคุณภาพข้าวเปลือกและข้อมูลที่เก็บตัวอย่างจากแปลงนา รายแปลง ที่รอเก็บเกี่ยว ประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้ 1) ประวัติและที่มาของเมล็ดพันธุ์ข้าว ความชื้น สิ่งเจือปน น้ำหนักข้าวต้น(ข้าวกล้อง) ต่อ 100 กรัม 5) ความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ กรณีเป็นข้าวขาวดอกมะละ 105 ก.ข. 15 และสายพันธุ์อื่นๆ แล้วแต่การตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย 6) รูปภาพแปลงนา และข้อมูลเจ้าของข้าวเปลือก ที่สำคัญอื่นๆ รับผิดชอบในการตรวจวัดเกรดคุณภาพสินค้า ให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อ และกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย โดยมีการกาหนดเกณฑ์มาตรฐานกลาง ของสินค้าดังนี้
“
คุณภาพมาตรฐานกลางของข้าวเปลือกหอมมะลิตัดสด มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ทุกประเภท มาตรฐานGAP และทั่วไป ( กข. 15 และ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ความชื้น ไม่เกิน 30 % หากเกินทางฝ่ายจัดซื้อของกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ตัดจุดละ 80 บาท ต่อตัน - คำนวณจากฐานความชื้น 30% สิ่งเจือปน ไม่ต่ำกว่า 10 กรัม (จากข้าวตัวอย่าง 200 กรัม ) หากต่ำกว่า 190 กรัม ตัดจุดละ 50 บาท ต่อตัน – คำนวณจากฐาน 190 กรัม ความบริสุทธิ์ของสายพันธ์ ไม่เกิน 15 เมล็ดต่อข้าวตัวอย่าง 100 กรัม ที่ผ่านเครื่องกะเทาะข้าวเปลือก 2 ครั้ง หากจำนวนเม็ดข้าวปนเกินอัตรา ตัดราคาเม็ดละ 50 บาท ต่อตัน โดยใช้ฐาน 15 เม็ดต่อ 100 กรัม”
ส่วนคุณภาพมาตรฐานกลางของข้าวเปลือกหอมมะลิแห้ง มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ทุกประเภท มาตรฐานGAPและทั่วไป ( กข. 15 และ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ผ่านกระบวนการลดความชื้น ด้วยการตากและการอบแห้ง แล้ว การคัดแยกเกรดข้าวเปลือกของทางกลุ่มเกษตรกร แบ่งตามคุณภาพ ดังนี้ ชั้นนข้าวเปลือกหอมมะลิ 105 คุณภาพ เกรด A ความชื้น ไม่เกิน 15 % สิ่งเจือปนน้อยกว่า 10 กรัม จากข้าวทดสอบ 200 กรัม ความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ (เม็ดแดง หรือข้าวเหนียวปน ) ไม่เกิน 15 เม็ดต่อข้าวตัวอย่าง 100 กรัม
ผ่านเครื่องกะเทาะข้าวเปลือก การวัดอัตราเปอร์เซ็นต์ ข้าวต้น ( กรัมข้าว ) ตามอัตราไม่ต่ำกว่า 36 กรัมจาก 100 กรัมข้าวเปลือกวัดความบริสุทธิ์ของสายพันธุ์ โดยการใช้น้ายาสารเคมีทดสอบ หรือใช้วิธีการอื่นๆ ไม่เกิน 5 เม็ด ต่อ 100 เมล็ดชั้นข้าวเปลือกหอมมะลิ 105 คุณภาพ เกรด B เกณฑ์การกาหนดชั้นคุณภาพ เช่นเดียวกับเกรด A เว้นแต่ การวัดอัตราเปอร์เซ็นต์ ข้าวต้น อยู่ในช่วง 25 – 36 กรัมชั้นข้าวเปลือกหอมมะลิ 105 คุณภาพ เกรด C เกณฑ์การกาหนดชั้นคุณภาพ เช่นเดียวกับเกรด A เว้นแต่ การวัดอัตราเปอร์เซ็นต์ ข้าวต้น อยู่ในช่วง 20-25 กรัม
ส่วนข้าวขาวดอกมะลิแห้ง มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ออร์แกนนิคไทยแลนด์ มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม ( PGS ) และมาตรฐานอินทรีย์สากล โดยครอบคลุมระยะปรับเปลี่ยน ปีที่ 1(T1) ปีที่ 2(T2) ปีที่ 3 (T3 ) และ ระยะเกษตรอินทรีย์สมบูรณ์แบบ กลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ต้องบริหารระบบตรวจสอบย้อนกลับ ระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ใบรับรองเกษตรอินทรีย์ การเก็บเกี่ยวข้าวที่ไม่ปนเปื้อนกับข้าวจากแปลงเกษตรเคมีทั่วไป การบรรจุข้าวในภาชนะบรรจุที่แยกออกจากข้างทั่วไปการลดความชื้นที่ถูกต้องตามหลักวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวที่ถูกต้องและการยึดถือเกณฑ์คุณภาพข้าว
สำหรับ
ข้าวสายพันธุ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ เช่น ข้าวเหนียว และข้าวนาปี นาปรังชนิดต่างๆทั้งข้าวสดและข้าวแห้ง ตามมาตรฐานเกษตรทั่วไปและมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ทางศูนย์บริการตลาดเกษตรออนไลน์ และกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย จะแจ้งให้ทางผู้ซื้อทราบข้อกาหนดที่อาจเปลี่ยนแปลงไปจากระเบียบนี้ ต่อไป ทั้งนี้ ราคาที่เสนอในกระดานประมูลออนไลน์ การจับคู่ออนไลน์ และการตกลงราคาออนไลน์ จะเป็นราคาที่เกษตรกรเจ้าของสินค้าร่วมกันกาหนด แยกแต่ละเกรดชั้นคุณภาพ ก่อนการเปิดกระดานออนไลน์ 1 ชั่วโมง
“การแบ่งเกรดคุณภาพและมาตรฐานสินค้า ที่ตกลงกันระหว่างผู้ซื้อกับกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ก่อนการเปิดตลาด หลังจากผ่านการตรวจสอบคุณภาพและการแบ่งเกรดสินค้าให้กับเกษตรกรเจ้าของสินค้าแต่ละราย โดยคณะกรรมการกลุ่มฯ แล้ว หากเกษตรกรรายใด ไม่ยอมรับ จะถูกตัดสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมของตลาดตลอดฤดูกาลนั้น โดยกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย และศูนย์บริการฯ ต้องส่งรายงานผลการตรวจคุณภาพสินค้าแต่ละราย ทุกประเภทของสินค้า (ตามรหัสสมาชิกที่ทางสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยออกให้ ) ส่งให้ฝ่ายผู้ซื้อทุกรายที่ประสงค์เข้ามาในระบบปฏิบัติการตลาดออนไลน์ ก่อนการเปิดทาการซื้อขาย ผ่านช่องทางการสื่อสาร ในรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง ในระยะเวลาอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้ฝ่ายผู้ซื้อรับทราบคุณภาพสินค้าเฉพาะราย และทำาการประมวลผล รายงานผลคุณภาพ
“ปริมาณข้าวเปลือกที่แจ้งในกระดานประมูลกับน้าหนักจริงเมื่อวันไปรับมอบข้าวเปลือก ต้องมีความแตกต่างกันไม่มากกว่า บวก/ลบ ร้อยละ 15 หากปริมาณข้าวมีความแตกต่าง มากกว่าอัตราบวก/ลบ ร้อยละ 15 ผู้ซื้อมีสิทธิ ปฏิเสธการไม่รับสินค้า หรือให้กลุ่มเกษตรกรผู้ขายรับผิดชอบค่าขนส่งในส่วนที่ต้องเพิ่มขึ้น ขึ้นกับการเจรจาตกลงระหว่างผู้ซื้อกับกลุ่มเกษตรกร กรณีปริมาณข้าวเปลือกเกินกว่าร้อยละ 15 ของปริมาณที่แจ้งในกระดานทาการตลาดออนไลน์ ผู้ซื้อมิสิทธิไม่รับข้าวส่วนที่เกินจากสัดส่วนร้อยละ 15 ได้เช่นกัน กลุ่มเกษตรกรผู้ขายต้องรับผิดชอบนาข้าวส่วนที่เกิน ไปจำหน่ายเอง”
กลุ่มเกษตรกรผู้ขาย และผู้แทนฝ่ายตรวจสอบปริมาณและคุณภาพสินค้า จากศูนย์บริการตลาดเกษตรออนไลน์ ที่ประจาพื้นที่ในจังหวัดนั้นๆ จัดทาข้อมูลปริมาณ และราคาที่เสนอขายตามรหัสสินค้า ส่งให้ฝ่ายจัดการของศูนย์ตลาดเกษตรออนไลน์ ส่วนกลาง ( ณ ดับเบิลยูดิสทริค กรุงเทพฯ ) ตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลุ่มในระดับจังหวัด ( จังหวัดละ 1 กลุ่ม ) ดำเนินการโพสต์ข้อมูลขึ้นกระดานทาการออนไลน์ ตามกรอบระยะเวลาที่ตกลงร่วมกัน ทุกวัน ฝ่ายผู้ซื้อจะได้รับข้อมูลสินค้า ( ปริมาณและราคาที่กลุ่มเกษตรกรเสนอ) และทราบเวลาเปิดตลาด ล่วงหน้าก่อนการเปิดตลาด อย่างน้อย 1-3 ชั่วโมง จากการประสานงานของศูนย์บริการตลาดเกษตรออนไลน์ ส่วนกลาง ) เพื่อเปิดให้ผู้ซื้อทาการแข่งขันราคา (ในกระดานการประมูล) หรือการตกลงราคา (ในกระดานการจับคู่และกระดานตกลงราคา ) ในห้วงเวลาที่กำหนด
ทางคณะกรรมการกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย
จัดตั้งคณะทางานรับผิดชอบฝ่ายต่างๆให้ชัดเจน และคณะกรรมการผู้รับผิดชอบ ต้องอยู่ประชุมร่วมกันตลอดเวลา เพื่อพิจารณาข้อเสนอราคาและเงื่อนไขต่างๆ ประสานงานกับศูนย์บริการฯ ( ณ สานักงาน พระโขนง กรุงเทพฯ) จนปิดทำการของตลาดและส่งมอบสินค้าตามข้อตกลง และโอนจ่ายเงินค่าสินค้าของสมาชิกรายบุคคลให้เสร็จสมบูรณ์ ในแต่ละวัน
“บทลงโทษ และแนวทางแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างผู้ซื้อ กลุ่มเกษตรผู้ขาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
การอายัดเงินในหนังสือสัญญาค้าประกัน (ร้อยละ 2 ของมูลค่าประมาณการราคาสินค้า) ของผู้ซื้อ หากผู้ซื้อรายใดที่ชนะการประมูลไม่มารับสินค้าตามสัญญาข้อตกลง หรือไม่มารับสินค้าตามระยะเวลาที่กาหนดที่ระบุในสัญญาซื้อขายทางกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย สามารถริบเงินมัดและยกเลิกสัญญาได้และให้นาสินค้านั้นทำการเปิดประมูลใหม่หรือทำการขายตามช่องทางอื่นๆของตลาดเกษตรออนไลน์ที่เหลือ คือ
"การจับคู่" และ "การตกลงราคา" หรือการขายในระบบทั่วไปได้”
การตรวจสอบเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพสินค้าและกระบวนการทาการตรวจวัดคุณภาพสินค้า ของกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ฝ่ายผู้ซื้อสามารถเรียกดูหลักฐานความแม่นตรงของเครื่องมือในการตรวจวัดคุณภาพสินค้าของกลุ่มเกษตรกรผู้ขายและส่งผู้แทนเข้ามาสังเกตการณ์กระบวนการตรวจสอบของกลุ่มเกษตรกรผู้ขายได้ตลอดเวลาตามที่ประสงค์หากพบว่าขั้นตอนการตรวจวัดคุณภาพสินค้าของกลุ่มเกษตรกรผู้ขายไม่เป็นไปตามกระบวนการที่น่าเชื่อถือ ฝ่ายกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในทันทีและแจ้งให้ผู้ซื้อทุกรายที่เป็นสมาชิกของตลาดรับทราบอย่างเป็นทางการ โดยการประสานงานของศูนย์บริการตลาดเกษตรออนไลน์
นายณรงค์ กล่าวว่าในระยะเริมต้นของการเปิดตลาด กลุ่มเกษตรกรผู้ขายหรือศูนย์บริการฯ ต้องจัดผู้แทนกลุ่ม เดินทางไปกับรถขนส่ง หรือ ติดตามรถขนส่งของผู้ซื้อไป ในกรณีผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผู้ชนะการแข่งขันราคา ได้รับมอบสินค้าข้าวเปลือกจากกลุ่มเกษตรกร และทาการตรวจวัดคุณภาพข้าวเปลือกในรถบรรทุกขนาดใหญ่ด้วยเครื่องมือและเจ้าหน้าที่ของตนเอง ต่อหน้าผู้แทนจากกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย จำนวนอย่างน้อย 3 ครั้งของการสุ่มตรวจ แล้ว พบว่า สินค้าข้าวเปลือกในรถบรรทุกขนาดใหญ่ 1 คัน ที่มาจากชาวนาเจ้าของสินค้าหลายคน ที่ส่งผลตรวจวัดคุณภาพรายแปลงมาให้ผู้ซื้อทราบก่อนการเข้าไปแข่งขันราคาแล้ว มีผลการตรวจคุณภาพข้าวต่ากว่าค่าเฉลี่ย ( ที่ประมวลผลจากค่าเฉลี่ยรายคน ) ที่ควรจะเป็นแล้ว ทางศูนย์บริการฯและกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย จะนาผลข้อมูลคุณภาพข้าวเปลือกจากรายงานผลการตรวจคุณภาพที่แตกต่างดังกล่าว ไปวิเคราะห์หาสาเหตุ และปรับปรุงกระบวนการตรวจวัดคุณภาพต่อไป
“ผู้แทนกลุ่มเกษตรกรและเกษตรกรเจ้าของข้าวเปลือกสด ที่เข้าร่วมการขายแบบการประมูลล่วงหน้าก่อนการเก็บเกี่ยว 1-3 วัน ต้องทาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายไว้เป็นหลักประกัน และส่งสาเนาหนังสือดังกล่าวให้กับผู้ซื้อทางการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ทุกราย หากถึงกาหนดส่งมอบสินค้า หากเกษตรกรรายใด ที่เข้าร่วมการตลาดออนไลน์ด้วยวิธีการประมูล การจับคู่ และการตกลงราคาล่วงหน้า ก่อนการเก็บเกี่ยว 1-3 วัน แล้ว ไม่ส่งมอบข้าวเปลือกตัดสดที่ตกลงกันไว้กับคณะกรรมการกลุ่มเกษตรกรผู้ขายและผู้ซื้อ เกษตรกรรายนั้นจะต้องถูกปรับในฐานะทาผิดสัญญาระหว่างกลุ่มฯ กับเกษตรกร และกลุ่มเกษตรกรผู้ขาย ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ผู้ซื้อเสียค่าใช้จ่ายไป เช่น ค่าใช้จ่ายในการส่งรถมารับสินค้า พร้อมพร้อมกับค่าเสียเวลา เป็นต้น”
อย่างไรก็ตามสิทธิ บทบาท หน้าที่ การดำเนินงานและผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำใดๆของ
ศูนย์บริการตลาดเกษตรออนไลน์ จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอน ทั้งนี้ศูนย์บริการตลาดเกษตรออนไลน์ ที่ดาเนินงานโดยบริษัทจดทะเบียน คือ บริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคมเกษตรกรลุ่มน้าปากพนัง จากัด และบริษัทเทรดคอนเน็ค จากัด นั้น ต้องบริหารจัดการทุกขั้นตอนอยู่ในกรอบของ "
กฎหมาย" และ
"ธรรมาภิบาล"เพื่อผลประโยชน์ของทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม