ยัน‘พร้อมเพย์’ไม่ล่มคลัง-ธปท.รับมือสิ้นปี การันตีพันรายการต่อวินาที
คลังประสานธปท. เตรียมแผนรับมือระบบโอนเงินพร้อมเพย์สิ้นปี ตั้งผู้บริหารคุมระบบ ตัดสินใจทันตัดแบงก์ที่สะดุดออกระบบทันที ด้าน ITMX ยันธุรกรรมสิ้นปีไม่ล่มซํ้ารอยปี 60 ชี้ ระบบพร้อมรับมือธุรกรรมพุ่ง 20-30% หลังลงทุนเพิ่ม 100 ล้าน เพิ่มความสามารถรองรับธุรกรรมเป็น 1,000 รายการต่อวินาที จากยอดคนใช้ปัจจุบันเพียง 350 รายการต่อวินาที
ระบบพร้อมเพย์ระดับบุคคลที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ต้องสะดุดในช่วงวันสิ้นปี 31 ธันวาคม 2560 เมื่อผู้ใช้บริการพร้อมเพย์ทั่วประเทศโอนเงินไม่เข้าบัญชีปลายทาง ทั้งที่หักบัญชีไปแล้ว โดยธนาคารแจ้งระบบขัดข้อง จากนั้นก็เกิดปัญหาขัดข้องมาอีกเป็นระยะๆ จึงทำให้เกิดความกังวลว่า ปัญหาจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ในช่วงสิ้นปีนี้ ที่มีการใช้ธุรกรรมการโอนเงินเป็นจำนวนมาก
[caption id="attachment_363329" align="aligncenter" width="335"]
ลวรณ แสงสนิท[/caption]
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เ ปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เพื่อเตรียมรับมือและดูแลระบบการชำระเงินให้เกิดความเรียบร้อย โดยคณะกรรมการนโยบายระบบสถาบันการเงินจะเป็นคนดูแลแก้ปัญหา ซึ่งต้องมีผู้บริหารระดับสูงเฝ้าระบบ และตัดสินใจในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ โดยหากธนาคารไหนมีปัญหา จะมีระบบตัดออกจากระบบ เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกับธนาคารที่เหลือให้สามารถดำเนินการโอนเงินได้ตามปกติ
“ปีที่แล้วที่ใช้พร้อมเพย์ เรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มใหญ่ไม่มีปัญหา จึงไม่ได้จัดคนดูแล วันสิ้นปีเป็นเรื่องเทคนิค ซึ่งแก้ไขแล้ว แต่ต่อมาเกิดปัญหากับธนาคารหนึ่งที่ระบบไม่ไป แต่เกิดยิงข้อมูลซํ้า ทำให้ข้อมูลโหลด ปีนี้เราจึงตกลงที่จะให้มีคนเฝ้าระบบอย่างดี และมีจุดตัด ถ้าแบงก์ไหนที่มีปัญหา จะมีผู้ตัดสินใจที่จะตัดออกจากระบบเลย เพื่อไม่ให้กระทบระบบรวม”
ด้านนางวรรณา นพอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX กล่าวกับ“ฐานเศรษฐกิจ”ว่า บริษัทมั่นใจว่า ธุรกรรมโอนเงินในสิ้นเดือนธันวาคมนี้จะไม่มีปัญหาเหมือนสิ้นปี 2560 เนื่องจากได้แก้ไขระบบและลงระบบใหม่ รวมถึงทดสอบระบบว่า จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น โดยคาดว่าแนวโน้มธุรกรรมช่วงเดือนธันวาคมนี้จะเพิ่มขึ้น 20-30% เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลการใช้จ่ายโอนเงินให้ครอบครัว หากดูตัวเลขช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนอยู่ที่ 125 ล้านรายการต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม-กันยายน อยู่ที่ 90 ล้านรายการต่อเดือน หลังจากธนาคารประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียม
ทั้งนี้ บริษัทได้ทดสอบระบบ เพื่อรองรับธุรกรรมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปี และยังได้ลงทุนระบบใหม่กว่า 100 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมในระยะยาว เพราะการลงระบบใหม่จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า คาดว่า ปริมาณธุรกรรมจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องราว 20-30% จากช่วงปกติ หลังธนาคารพาณิชย์ยกเว้นค่าธรรมเนียม รวมถึงธุรกรรมที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆผ่านฟีเจอร์บนโมบายแบงกิ้งของธนาคาร เช่น ลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ที่ธนาคารต้องการให้เข้ามาสู่ระบบแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องรับมือทั้งความพร้อมของระบบ เพื่อให้ธุรกรรมระหว่างกันไม่สะดุดและความปลอดภัยของระบบ
ดังนั้น บริษัทต้องทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทย (TBA) เพื่อพัฒนาระบบและความสามารถในการรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการรับมือเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจนทำให้ระบบสะดุด เนื่องจาก ITMX เป็นระบบกลาง หากมีธนาคารแห่งใดแห่งหนึ่งมีปัญหาจะต้องมีแผนแก้ไขและรับมือไม่ให้ขยายวงกว้าง รวมถึงมีมาตรการหยุดความเสียหาย ซึ่งถือเป็นข้อตกลงร่วมกัน โดยที่ผ่านมา มีการคุยกันต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่คาดว่าธุรกรรมจะมีปริมาณสูง เช่น ช่วงสิ้นเดือนของทุกเดือน หรือช่วงที่มีความสุ่มเสี่ยงจะมีปริมาณผิดปกติ ธนาคารและบริษัทจะต้องพร้อมทำงานร่วมกัน เชื่อว่าธนาคารก็ให้ความระมัดระวังมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันระบบของ ITMX มีความสามารถในการรองรับปริมาณธุรกรรม (Capacity) มากกว่า 1,000 รายการต่อวินาที จากปัจจุบันช่วงที่มีปริมาณธุรกรรมสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 350 รายการต่อวินาทีเท่านั้น ซึ่งระบบสามารถรองรับได้เกือบ 3 เท่า โดยความสามารถในการรองรับธุรกรรมเหลือพื้นที่ค่อนข้างเยอะจนถึงสิ้นปี 2562 จึงมั่นใจว่า ระบบมีความพร้อมที่จะรองรับการทำธุรกรรมของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เรามั่นใจว่าเดือนธันวาคมระบบไม่น่าจะมีปัญหาธุรกรรมค้างท่อเหมือนปีก่อน เพราะเราแก้ไขและลงระบบใหม่แล้ว และมีการทดสอบระบบเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเรื่องนี้เราไม่ได้ทำเฉพาะมีปัญหา แต่เราคุยกับแบงก์ตลอดเวลาก่อนจะมีปัญหาเรามีมาตร การและขั้นตอนปฏิบัติเพื่อไม่ให้ขยายวงกว้างและหยุดความเสียหาย ซึ่งทำงานกันทั้งระบบ ทำให้ความสามารถในการรองรับตอนนี้พุ่งไปอยู่ 1,000 รายการต่อวินาทีซึ่งมีพื้นที่เหลือมากพอแม้ว่าจะเป็นช่วงธุรกรรมพีกก็ตาม”
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,428 วันที่ 20 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2561
ระบบพร้อมเพย์ระดับบุคคลที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ต้องสะดุดในช่วงวันสิ้นปี 31 ธันวาคม 2560 เมื่อผู้ใช้บริการพร้อมเพย์ทั่วประเทศโอนเงินไม่เข้าบัญชีปลายทาง ทั้งที่หักบัญชีไปแล้ว โดยธนาคารแจ้งระบบขัดข้อง จากนั้นก็เกิดปัญหาขัดข้องมาอีกเป็นระยะๆ จึงทำให้เกิดความกังวลว่า ปัญหาจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ในช่วงสิ้นปีนี้ ที่มีการใช้ธุรกรรมการโอนเงินเป็นจำนวนมาก
[caption id="attachment_363329" align="aligncenter" width="335"]
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)เ ปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เพื่อเตรียมรับมือและดูแลระบบการชำระเงินให้เกิดความเรียบร้อย โดยคณะกรรมการนโยบายระบบสถาบันการเงินจะเป็นคนดูแลแก้ปัญหา ซึ่งต้องมีผู้บริหารระดับสูงเฝ้าระบบ และตัดสินใจในช่วงเทศกาลวันหยุดปีใหม่ โดยหากธนาคารไหนมีปัญหา จะมีระบบตัดออกจากระบบ เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบกับธนาคารที่เหลือให้สามารถดำเนินการโอนเงินได้ตามปกติ
“ปีที่แล้วที่ใช้พร้อมเพย์ เรามั่นใจว่าแพลตฟอร์มใหญ่ไม่มีปัญหา จึงไม่ได้จัดคนดูแล วันสิ้นปีเป็นเรื่องเทคนิค ซึ่งแก้ไขแล้ว แต่ต่อมาเกิดปัญหากับธนาคารหนึ่งที่ระบบไม่ไป แต่เกิดยิงข้อมูลซํ้า ทำให้ข้อมูลโหลด ปีนี้เราจึงตกลงที่จะให้มีคนเฝ้าระบบอย่างดี และมีจุดตัด ถ้าแบงก์ไหนที่มีปัญหา จะมีผู้ตัดสินใจที่จะตัดออกจากระบบเลย เพื่อไม่ให้กระทบระบบรวม”
ด้านนางวรรณา นพอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX กล่าวกับ“ฐานเศรษฐกิจ”ว่า บริษัทมั่นใจว่า ธุรกรรมโอนเงินในสิ้นเดือนธันวาคมนี้จะไม่มีปัญหาเหมือนสิ้นปี 2560 เนื่องจากได้แก้ไขระบบและลงระบบใหม่ รวมถึงทดสอบระบบว่า จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น โดยคาดว่าแนวโน้มธุรกรรมช่วงเดือนธันวาคมนี้จะเพิ่มขึ้น 20-30% เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลการใช้จ่ายโอนเงินให้ครอบครัว หากดูตัวเลขช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนอยู่ที่ 125 ล้านรายการต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม-กันยายน อยู่ที่ 90 ล้านรายการต่อเดือน หลังจากธนาคารประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียม
ทั้งนี้ บริษัทได้ทดสอบระบบ เพื่อรองรับธุรกรรมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปี และยังได้ลงทุนระบบใหม่กว่า 100 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมในระยะยาว เพราะการลงระบบใหม่จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า คาดว่า ปริมาณธุรกรรมจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องราว 20-30% จากช่วงปกติ หลังธนาคารพาณิชย์ยกเว้นค่าธรรมเนียม รวมถึงธุรกรรมที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆผ่านฟีเจอร์บนโมบายแบงกิ้งของธนาคาร เช่น ลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ที่ธนาคารต้องการให้เข้ามาสู่ระบบแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องรับมือทั้งความพร้อมของระบบ เพื่อให้ธุรกรรมระหว่างกันไม่สะดุดและความปลอดภัยของระบบ
ดังนั้น บริษัทต้องทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทย (TBA) เพื่อพัฒนาระบบและความสามารถในการรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการรับมือเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจนทำให้ระบบสะดุด เนื่องจาก ITMX เป็นระบบกลาง หากมีธนาคารแห่งใดแห่งหนึ่งมีปัญหาจะต้องมีแผนแก้ไขและรับมือไม่ให้ขยายวงกว้าง รวมถึงมีมาตรการหยุดความเสียหาย ซึ่งถือเป็นข้อตกลงร่วมกัน โดยที่ผ่านมา มีการคุยกันต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่คาดว่าธุรกรรมจะมีปริมาณสูง เช่น ช่วงสิ้นเดือนของทุกเดือน หรือช่วงที่มีความสุ่มเสี่ยงจะมีปริมาณผิดปกติ ธนาคารและบริษัทจะต้องพร้อมทำงานร่วมกัน เชื่อว่าธนาคารก็ให้ความระมัดระวังมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันระบบของ ITMX มีความสามารถในการรองรับปริมาณธุรกรรม (Capacity) มากกว่า 1,000 รายการต่อวินาที จากปัจจุบันช่วงที่มีปริมาณธุรกรรมสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 350 รายการต่อวินาทีเท่านั้น ซึ่งระบบสามารถรองรับได้เกือบ 3 เท่า โดยความสามารถในการรองรับธุรกรรมเหลือพื้นที่ค่อนข้างเยอะจนถึงสิ้นปี 2562 จึงมั่นใจว่า ระบบมีความพร้อมที่จะรองรับการทำธุรกรรมของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เรามั่นใจว่าเดือนธันวาคมระบบไม่น่าจะมีปัญหาธุรกรรมค้างท่อเหมือนปีก่อน เพราะเราแก้ไขและลงระบบใหม่แล้ว และมีการทดสอบระบบเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเรื่องนี้เราไม่ได้ทำเฉพาะมีปัญหา แต่เราคุยกับแบงก์ตลอดเวลาก่อนจะมีปัญหาเรามีมาตร การและขั้นตอนปฏิบัติเพื่อไม่ให้ขยายวงกว้างและหยุดความเสียหาย ซึ่งทำงานกันทั้งระบบ ทำให้ความสามารถในการรองรับตอนนี้พุ่งไปอยู่ 1,000 รายการต่อวินาทีซึ่งมีพื้นที่เหลือมากพอแม้ว่าจะเป็นช่วงธุรกรรมพีกก็ตาม”
หน้า 23-24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,428 วันที่ 20 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2561
