สภาผู้ส่งออก ประเมินส่งออกปี 2562 ขยายตัว 5% ผลจากนโยบายทางการค้า

04 ธ.ค. 2561 | 09:46 น.
สภาผู้ส่งออก ประเมินส่งออกปี 2562 ขยายตัว 5% ผลจากนโยบายทางการค้าของประเทศผู้นำเข้ามีผลต่อการส่งออกไทย ขณะที่การส่งออกปีนี้ยังคงเชื่อมั่นขยายตัวที่ 8%

นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สภาผู้ส่งออกฯ ยังคงประมาณการส่งออกปี 2561 นี้ไว้ที่ 8% บนสมมติฐานค่าเงินบาทอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยบวกจากการส่งออกสินค้าผ่านการค้าออนไลน์ หรือ อี-คอมเมิร์ซ ที่เติบโตค่อนข้างสูงต่อเนื่อง แม้จะมีความเสี่ยงของภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน แต่จากล่าสุดสหรัฐยืดระยะเวลาการ ขึ้นภาษีสินค้าจากจีนเป็น 25% ออกไป 90 วันมองว่าจะเป็นผลดีทำให้การค้าการส่งออกผ่อนคลายและมีโอกาสขยายตัวมากขึ้น

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเป็นอุปสรรคบ้างก็ยังคงเป็นเรื่องของสงครามการค้าที่ยังต้องติดตาม รวมไปถึงความผันผวนของราคาน้ำมันที่จะส่งผลต่อจิตวิทยาของผู้ผลิตนโยบายการดึงดูดการลงทุนของเวียดนามที่ทำให้นักลงทุนหันเข้าไปลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อส่วนแบ่งทางการตลาดของไทย ต้นทุนโลจิสติกส์ เป็นต้น
สำหรับแนวโน้มการส่งออกในปี 2562 คาดว่า จะเติบโตลดลงเหลือเพียง 5% โดยยังคงกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า ซึ่งไทยจะได้รับผลกระทบเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลง

ยืน
ส่วนข้อเสนอแนะที่สภาผู้ส่งออกต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูและสนับสนุนคือต้องการให้ภาครัฐกำกับดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพไม่ให้แข็ง ค่าสูงกว่าคู่แข่งที่สำคัญนโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยที่สามารถแข่งขันได้ก็ต้องการให้เข้ามาสนับสนุนและดึงนักลงทุนจากต่างชาติส่งเสริมการค้าแบบ E commerce ประเทศไทยควรมีมาตรการสนับสนุนการลงทุนในการผลิตพลังงานทดแทนโดยใช้สินค้าเกษตรมาเป็นวัตถุดิบให้มากขึ้นโดยเชื่อว่าจะทำให้การค้าการส่งออกของประเทศไทยขยายตัวและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้ในอนาคต
การส่งออกในเดือนตุลาคม 2561 กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง ที่ 8.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา มูลค่า 21,758 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการขยายตัวของตลาดในประเทศคู่ค้า ส่งผลให้การส่งออกขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปียกเว้นเดือนกันยายน ที่ส่งออกลดลงไปบ้าง โดยยอดส่งออกสะสมในช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ ขยายตัว 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่า 211,488 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นรูปเงินบาทเท่ากับ 6.75 ล้านล้านบาท ขยายตัว 1.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มสินค้าที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้นได้แก่ สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร เช่น น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป รวมทั้งผักและผลไม้สดโดยเฉพาะทุเรียน แต่ยางพารายังคงส่งหดตัว เช่นเดียวกับรถยนต์และชิ้นส่วนที่หดตัวลงเช่นกัน สำหรับตลาดที่ยังขยายตัวได้ดี คือตลาดสหรัฐ ขยายตัว 5 % เนื่องจากวิกฤติสงครามการค้า ทำให้ไทยส่งออกสินค้าไปเติมเต็มที่ตลาดสหรัฐได้เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับตลาดอาเซียนยังเติบโตได้ดีเกือบ 5 %

 

595959859