'พลังงาน' ขยายกรอบอุ้ม 'แอลพีจี' 6 พันล้าน!!
พลังงานชง กบง. 5 ก.ย. นี้ ขยายเพดานกรอบวงเงินอุ้มแอลพีจีอีก 3 พันล้านบาท ไปถึงสิ้นปีนี้ จากของเดิมกองทุนน้ำมันฯ ติดลบไป 3.33 พันล้านบาท เหตุราคาตลาดโลกพุ่งขึ้นต่อเนื่อง พร้อมนำมาตรการอุ้มดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร มาใช้กองทุนน้ำมันชดเชย 30-50 ส.ต. ต่อลิตร
นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา ให้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนบัญชีก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจี มาช่วยอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มให้อยู่ในระดับ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยให้กองทุนน้ำมันฯ บัญชีแอลพีจีสามารถติดลบได้เกิน 3 พันล้านบาทนั้น
ล่าสุดพบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ บัญชีแอลพีจีได้ติดลบที่ 3,337 ล้านบาท ซึ่งเกินกรอบที่ กบง. ให้เพดานไว้แล้ว เนื่องจากราคาแอลพีจีในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดังนั้น ในการประชุม กบง. ในวันที่ 5 ก.ย. นี้ จะมีการหารือเพื่อขยายกรอบเพดานดังกล่าว ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะเป็นผู้เสนอในที่ประชุม
"ขณะนี้ตัวเลขทางบัญชีกองทุนน้ำมันฯ บัญชีแอลพีติดลบมากกว่าเพดานที่เคยขอไว้ เนื่องจากราคาแอลพีจีปรับสูงขึ้น ไม่ได้ลดลงเหมือนที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งในส่วนของการบริหารจัดการนั้น แม้ว่าตัวเลขทางบัญชีจะติดลบ แต่ตัวเลขจริงยังไม่ติดลบ เพราะก็ยังมีเงินค้างจ่ายอยู่บ้าง" นายเสมอใจ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาแอลพีจีในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเกือบจะ 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน หรือ ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กิโลกรัมต่อถัง อยู่ที่เกือบ 400 บาทต่อถัง ซึ่งจากปัจจุบันตรึงราคาอยู่ที่ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ส่งผลให้ที่ผ่านมาต้องนำเงินอุดหนุนเป็นจำนวนมาก จากกรอบที่ให้ไว้ 3 พันล้านบาท หมดภายใน 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค. 2561) จากเดิมที่คาดว่า กรอบวงเงินดังกล่าวจะพยุงราคาแอลพีจีไว้ที่ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไปจนถึงสิ้นปีนี้
โดยปัจจุบัน กองทุนน้ำมันฯ บัญชีก๊าซแอลพีจี จะใช้ในการอุดหนุนราคาแอลพีจีกว่า 800 ล้านบาทต่อเดือน มีรายได้จากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ กว่า 1 พันล้านบาทต่อเดือน แต่ไม่เพียงพอนำมาชดเชยราคาขายปลีกได้ ดังนั้น ในการขอขยายกรอบเพดานอุดหนุนราคาแอลพีจี น่าจะให้กองทุนน้ำมันฯ บัญชีแอลพีจีติดลบได้อีกไม่เกิน 3 พันล้านบาท รวมของเดิมเป็นติดลบได้ไม่เกิน 6 พันล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอให้อุดหนุนราคาแอลพีจีต่อไปได้จนถึงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ การประชุม กบง. จะพิจารณามาตรการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร หลังจากราคาน้ำมันดีเซลในต่างจังหวัดของผู้ค้าบางรายได้ปรับขึ้นไปแตะ 29.99 บาทต่อลิตรแล้ว ขณะที่ ราคาในเขต กทม. และปริมณฑลอยู่ที่ 29.89 บาทต่อลิตร โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีการพิจารณานำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ขณะนี้มีเงินสะสมอยู่ที่ประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท มาพยุงราคาน้ำมันดีเซลราว 30-50 สตางค์ต่อลิตร จากปัจจุบันเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ อยู่ที่ 0.01 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาโลกที่ขณะนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
โดยมาตรการดังกล่าวนี้ นายศิริได้ส่งสัญญาณชัดเจนมาตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงพลังงานมีความพร้อมที่จะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ เข้าไปดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ได้จนถึงสิ้นปีนี้
นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา ให้นำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนบัญชีก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจี มาช่วยอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มให้อยู่ในระดับ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยให้กองทุนน้ำมันฯ บัญชีแอลพีจีสามารถติดลบได้เกิน 3 พันล้านบาทนั้น
ล่าสุดพบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ บัญชีแอลพีจีได้ติดลบที่ 3,337 ล้านบาท ซึ่งเกินกรอบที่ กบง. ให้เพดานไว้แล้ว เนื่องจากราคาแอลพีจีในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดังนั้น ในการประชุม กบง. ในวันที่ 5 ก.ย. นี้ จะมีการหารือเพื่อขยายกรอบเพดานดังกล่าว ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะเป็นผู้เสนอในที่ประชุม
"ขณะนี้ตัวเลขทางบัญชีกองทุนน้ำมันฯ บัญชีแอลพีติดลบมากกว่าเพดานที่เคยขอไว้ เนื่องจากราคาแอลพีจีปรับสูงขึ้น ไม่ได้ลดลงเหมือนที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งในส่วนของการบริหารจัดการนั้น แม้ว่าตัวเลขทางบัญชีจะติดลบ แต่ตัวเลขจริงยังไม่ติดลบ เพราะก็ยังมีเงินค้างจ่ายอยู่บ้าง" นายเสมอใจ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาแอลพีจีในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเกือบจะ 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน หรือ ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กิโลกรัมต่อถัง อยู่ที่เกือบ 400 บาทต่อถัง ซึ่งจากปัจจุบันตรึงราคาอยู่ที่ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ส่งผลให้ที่ผ่านมาต้องนำเงินอุดหนุนเป็นจำนวนมาก จากกรอบที่ให้ไว้ 3 พันล้านบาท หมดภายใน 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค. 2561) จากเดิมที่คาดว่า กรอบวงเงินดังกล่าวจะพยุงราคาแอลพีจีไว้ที่ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไปจนถึงสิ้นปีนี้
โดยปัจจุบัน กองทุนน้ำมันฯ บัญชีก๊าซแอลพีจี จะใช้ในการอุดหนุนราคาแอลพีจีกว่า 800 ล้านบาทต่อเดือน มีรายได้จากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ กว่า 1 พันล้านบาทต่อเดือน แต่ไม่เพียงพอนำมาชดเชยราคาขายปลีกได้ ดังนั้น ในการขอขยายกรอบเพดานอุดหนุนราคาแอลพีจี น่าจะให้กองทุนน้ำมันฯ บัญชีแอลพีจีติดลบได้อีกไม่เกิน 3 พันล้านบาท รวมของเดิมเป็นติดลบได้ไม่เกิน 6 พันล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอให้อุดหนุนราคาแอลพีจีต่อไปได้จนถึงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ การประชุม กบง. จะพิจารณามาตรการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร หลังจากราคาน้ำมันดีเซลในต่างจังหวัดของผู้ค้าบางรายได้ปรับขึ้นไปแตะ 29.99 บาทต่อลิตรแล้ว ขณะที่ ราคาในเขต กทม. และปริมณฑลอยู่ที่ 29.89 บาทต่อลิตร โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีการพิจารณานำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ขณะนี้มีเงินสะสมอยู่ที่ประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท มาพยุงราคาน้ำมันดีเซลราว 30-50 สตางค์ต่อลิตร จากปัจจุบันเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ อยู่ที่ 0.01 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาโลกที่ขณะนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
โดยมาตรการดังกล่าวนี้ นายศิริได้ส่งสัญญาณชัดเจนมาตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงพลังงานมีความพร้อมที่จะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ เข้าไปดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ได้จนถึงสิ้นปีนี้
