“Omni Chanel มีการพูดถึงเป็นอย่างมากในหลายธุรกิจ แต่ความจริงแล้วยังสามารถทำได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็น Multi channel อยู่ ซึ่งยังไม่มีการซิงค์ข้อมูลระหว่างกันจนไร้รอยต่อ (seamless) ทั้งนี้การซิงค์ของซีโอแอลเพื่อไปสู่ยุคของ Omni Chanel ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านซึ่งสามารถทำได้ราว 50-60% แล้ว โดยคาดการณ์ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่าน 3-5 ปี ซึ่งหากไม่มีการปรับตัวนับจากนี้แน่นอนว่าจะโดนชิงส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้การที่จะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของ Omni Channel อย่างเต็มรูปแบบของซีโอแอลนั้น Big Data คือองค์ประกอบสำคัญที่จะถูกนำมาขับเคลื่อนเป็นหัวใจหลัก ซึ่งปัจจุบันซีโอแอลยังไม่ถือว่าเป็นการนำ Big Data มาใช้ในการตลาด เนื่องจาก Big Data ถือว่าเป็นฐานข้อมูลที่ต้องมีจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันซีโอแอลเป็นเพียงการใช้ Data เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมเก็บ Big Data โดยในอนาคตหลังจากออฟฟิศเมทฟอร์มธุรกิจใหม่เรียบร้อยจึงจะมีการตั้งทีม Big Data และดึงทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล (Data Scientist ) เข้ามาตั้งทีมขึ้นมา เพื่อเสริมแกร่งทีมออนไลน์ในอนาคต ปรับทัพออฟฟิศเมทเจาะบีทูบี
นายวรวุฒิ กล่าวว่า โดยในส่วนของออฟฟิศเมทเองได้เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจสู่ความเป็น “VENDER OF EVERYTHING FOR B2B” หรือกลุ่มบริษัทที่เน้นพัฒนาแพลตฟอร์มทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อรุกธุรกิจลูกค้าองค์กร (B2B) แบบเต็มตัว อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านของการเก็บ Big Data ที่จะนำมาเป็นฐานข้อมูลสำคัญให้แก่ธุรกิจในเครือต่อไป โดยในปีนี้การทำงานของออฟฟิศเมทประกอบด้วย 4 โปรเจ็กต์ใหญ่ได้แก่ 1.การเพิ่มแคติกอรีของสินค้ามากขึ้น ทั้งในกลุ่มโฮเรกา โรงงาน และเฮลธ์แอนด์เมดิคัล ซึ่งจะเป็นการเปิดธุรกิจใหม่และขยายฐานลูกค้าให้ใหญ่ขึ้นผ่านแพลตฟอร์มเดิมที่มีอยู่ ควบคู่กับมีการสร้างแค็ตตาล็อกสำหรับแต่ละกลุ่มสินค้าเพื่อสื่อสารแบรนด์ ทั้งกลุ่มสินค้าโรงงาน ร้านอาหาร โรงแรม คลินิก สถาบันความงาม จากเดิมที่มีแค่ออฟฟิศเมท (กลุ่มอุปกรณ์เครื่องเขียน)