ที่นี่ไม่มีความลับ : เงินทอนวัด-โกงเงินดิจิตอล-ตบทรัพย์โรงไฟฟ้า ภารกิจด่วน ปปง. ใหม่
“เซอร์ไพรส์” แบบฉุกเฉิน เมื่อมี ม.44 ปลด พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แบบปัจจุบันทันด่วน ขนาดเรียกประชุม คสช. ฉุกเฉิน ชนิดที่กรรมการคสช. บางท่านไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อนว่าจะมีการเรียกประชุม มาประชุมกันแทบไม่ทัน ก่อนมี ม.44 เด้งเลขาฯปปง. พ้นจากตำแหน่ง วิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่าเป็นเพราะเหตุนั้นเหตุนี้แต่ยังไม่มีใครกล้าฟันธงว่าเป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าเป็น “ข้อมูลใหม่ที่สำคัญมาก” ที่ทำให้ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ มิสามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้
ไหนๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงใน ปปง. แล้ว ก็ขอให้จัดทัพใหม่ ตามไปจัดการ 3 เรื่องสำคัญที่อยู่ในมูลฐานความผิดที่ ปปง. มีอำนาจแสวงหาข้อเท็จจริงและอายัดทรัพย์ ซึ่งได้มาโดยมิชอบ เรื่องแรก เป็นเรื่องที่ ปปง. กำลังดำเนินการอยู่แล้วแต่ต้องเอาจริงเอาจังมากขึ้นคือ คดีเงินทอนวัด พระผู้ใหญ่ที่ถูกดำเนินคดีและเครือข่ายพระเหล่านี้ รวมทั้งข้าราชการผู้ใหญ่ทั้งในอดีตและปัจจุบันของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่ออายัดทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ก่อนที่จะถูกฟอกไปที่อื่น
เรื่องที่ 2 คือบรรดา “ขาใหญ่ในตลาดหุ้น” ที่กำลังฉ้อโกงนักลงทุน ในเรื่องเงินดิจิตอล สกุลดราก้อนคอยน์ เงินสมมติที่ไม่มีใครรับรองแต่หลอกตุ๋นคนโลภทั่วไป ที่หากสอบไปนอกจากจะพบเส้นทางเงินที่พันกับ “ขาใหญ่ในตลาดหุ้น” ที่เชื่อว่ามีเกิน 5 คน อาจจะพบเส้นทางเงินโยงใยกับ “นักการเมือง” อีกหลายคน ที่กำลังใช้ช่องทางเงินดิจิตอล เป็นกรรมวิธีฟอกเงินใหญ่ แทนบ่อนการพนันและพระเครื่อง หากไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน ลองไปอ่าน “ที่นี่ไม่มีความลับ” ตอนที่แล้ว บอกชื่อจริงนักธุรกิจและชื่อย่อนักการเมืองไว้หลายคน
อีกเรื่องที่เมาธ์กันสนั่นวงการพลังงาน เรื่อง “ลูกชาย” เสนาบดีท่านหนึ่งที่ทำตัวเป็นพวก “ยิบ อินซอย” (เรียกเก็บทุกเม็ด) โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้า (PPA) ที่เรียกกันเมกะวัตต์ละกิโล (1 กิโลกรัมของธนบัตรใบละ 1,000 บาท = เงิน 1 ล้านบาท) ขอย้ำไม่ใช่เรื่องการก่อสร้างโรงไฟฟ้า แต่เป็นเรื่อง PPA รับซื้อไฟฟ้า เดี๋ยวนี้รุกหนักถึงขนาดว่าราชการสั่ง “พ่อเมือง” บางจังหวัดด้วยตัวเอง รวมทั้งช่วยตามหาเส้นทางเงิน “พันเอก” คนดังที่เคยทิ้งไว้ ที่ต้องชื่นชมฝ่ายกองทัพ และทำเนียบรัฐบาล พยายามสืบเสาะว่า “พันเอก” คนนั้นเป็นใคร แต่วิธีการสืบเสาะอาจจะผิดวิธี แทนที่จะมาถามจากสื่อ ก็ไปตรวจเส้นทางเงิน “พันเอก” คนที่ท่านสงสัย แล้วจะพบเองว่าเป็นใคร
ที่นี่ไม่มีความลับ โดย... เอราวัณ | หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 16 | ฉบับ 3393 ระหว่างวันที่ 19-22 ส.ค. 2561
ไหนๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงใน ปปง. แล้ว ก็ขอให้จัดทัพใหม่ ตามไปจัดการ 3 เรื่องสำคัญที่อยู่ในมูลฐานความผิดที่ ปปง. มีอำนาจแสวงหาข้อเท็จจริงและอายัดทรัพย์ ซึ่งได้มาโดยมิชอบ เรื่องแรก เป็นเรื่องที่ ปปง. กำลังดำเนินการอยู่แล้วแต่ต้องเอาจริงเอาจังมากขึ้นคือ คดีเงินทอนวัด พระผู้ใหญ่ที่ถูกดำเนินคดีและเครือข่ายพระเหล่านี้ รวมทั้งข้าราชการผู้ใหญ่ทั้งในอดีตและปัจจุบันของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่ออายัดทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบของกลุ่มบุคคลดังกล่าว ก่อนที่จะถูกฟอกไปที่อื่น
เรื่องที่ 2 คือบรรดา “ขาใหญ่ในตลาดหุ้น” ที่กำลังฉ้อโกงนักลงทุน ในเรื่องเงินดิจิตอล สกุลดราก้อนคอยน์ เงินสมมติที่ไม่มีใครรับรองแต่หลอกตุ๋นคนโลภทั่วไป ที่หากสอบไปนอกจากจะพบเส้นทางเงินที่พันกับ “ขาใหญ่ในตลาดหุ้น” ที่เชื่อว่ามีเกิน 5 คน อาจจะพบเส้นทางเงินโยงใยกับ “นักการเมือง” อีกหลายคน ที่กำลังใช้ช่องทางเงินดิจิตอล เป็นกรรมวิธีฟอกเงินใหญ่ แทนบ่อนการพนันและพระเครื่อง หากไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน ลองไปอ่าน “ที่นี่ไม่มีความลับ” ตอนที่แล้ว บอกชื่อจริงนักธุรกิจและชื่อย่อนักการเมืองไว้หลายคน
อีกเรื่องที่เมาธ์กันสนั่นวงการพลังงาน เรื่อง “ลูกชาย” เสนาบดีท่านหนึ่งที่ทำตัวเป็นพวก “ยิบ อินซอย” (เรียกเก็บทุกเม็ด) โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้า (PPA) ที่เรียกกันเมกะวัตต์ละกิโล (1 กิโลกรัมของธนบัตรใบละ 1,000 บาท = เงิน 1 ล้านบาท) ขอย้ำไม่ใช่เรื่องการก่อสร้างโรงไฟฟ้า แต่เป็นเรื่อง PPA รับซื้อไฟฟ้า เดี๋ยวนี้รุกหนักถึงขนาดว่าราชการสั่ง “พ่อเมือง” บางจังหวัดด้วยตัวเอง รวมทั้งช่วยตามหาเส้นทางเงิน “พันเอก” คนดังที่เคยทิ้งไว้ ที่ต้องชื่นชมฝ่ายกองทัพ และทำเนียบรัฐบาล พยายามสืบเสาะว่า “พันเอก” คนนั้นเป็นใคร แต่วิธีการสืบเสาะอาจจะผิดวิธี แทนที่จะมาถามจากสื่อ ก็ไปตรวจเส้นทางเงิน “พันเอก” คนที่ท่านสงสัย แล้วจะพบเองว่าเป็นใคร
ที่นี่ไม่มีความลับ โดย... เอราวัณ | หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 16 | ฉบับ 3393 ระหว่างวันที่ 19-22 ส.ค. 2561