พลิกเเฟ้มคดี "เลี๊ยบ" เอื้อชินคอร์ป "บ่าวรับกรรมเเทนเจ้านาย"

06 มี.ค. 2561 | 11:21 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มี.ค. 2561 | 19:52 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีในวันนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาคดีที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2660ได้ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.2551 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อประโยชน์สำหรับตัวเอง หรือผู้อื่น , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

640_8bed98kebbkfcegj5jkd6 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152,157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 ,100 ,122 กรณีแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพาสามิต ด้วยการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพาสามิต ( พ.ศ.2527) พ.ศ.2546 เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2551

คดีที่เกี่ยวข้องกับคดีข้างต้นที่น่าสนใจนั้นคือ วันที่ 25 ส.ค. 2559ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ พิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.66/2558 ที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี(หมอเลี้ยบ) อดีต รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร, นายไกรสร พรสุธี อดีตปลัดกระทรวงไอซีที และนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ และอดีตปลัดกระทรวงไอซีที เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
f-thaksin-a-20160229-870x586 คดีนี้โจทก์ฟ้อง สรุปว่า จำเลยได้ร่วมกันอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ต้องถือในบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) จากไม่น้อยกว่า 51% เป็นไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยทราบดีอยู่แล้วว่า เหตุที่บริษัทขอลดสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อต้องการหาพันธมิตรขยายศักยภาพในการแข่งขันให้มีความเข้มแข็งและมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินการโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์
shin ทั้งนี้ศาลคำพิพากษาว่า“จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี มีกำหนด 1 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 และ 3 คนละ 1 ปี และปรับคนละ 20,000 บาท สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และไม่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติให้แก้ไขสัญญาสัมปทาน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนดคนละ 5 ปี”เเละเมื่อวันที่4ก.ค.2560นพ.สุรพงษ์ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเเล้ว

โดยคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการที่นพ.สุรพงษ์ปฏิบัติตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีในช่วงนั้น อนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เเละเอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2551
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว