เทรนด์อสังหาฯ4.0 นำเทคโนโลยี AI ผนวกกับการอยู่อาศัย
อินทีเรียร์ชื่อดังเผยเทรนด์บ้าน-คอนโดฯปี 2561 นำเทคโนโลยี AI ผนวกกับการอยู่อาศัย โดยคนอยู่คอนโดฯต้องการอุปกรณ์ไฮเทค และพื้นที่โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ขณะที่บ้านจัดสรรชูความเป็นสมาร์ทโฮม สร้างประสบการณ์ใหม่ๆตลอดเวลา ทำให้บ้านน่าอยู่อาศัย
ปัจจุบันเทคโนโลยีแทรกซึมไปเกือบทุกธุรกิจและบริการ สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน บริษัทอสังหาฯชั้นนำได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต หรือคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์รูปแบบการอยู่อาศัยของคนในยุคนี้ได้อย่างสูงสุด
นายธนวัฒน์ สุขัคคานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทีเรียร์วิชั่น จำกัด เปิดเผยถึงไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในปัจจุบันว่า คนที่อยู่คอนโดมิเนียม ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านดิจิตอลอย่างมาก เช่น การบริหารจัดการส่งจดหมายให้ถึงห้อง โดยใช้ AI บูรณาการข้อมูลของลูกบ้าน ซึ่งเรื่องนี้สมัยก่อนดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว
สมัยก่อนในคอนโดมิเนียมต้องมีห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันไม่จำเป็น แค่พื้นที่พอเหมาะ จำนวนอุปกรณ์ออกกำลังกายไม่ต้องจัดเต็ม เน้นอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยี แสดงค่าพลังงานที่ใช้ ด้านพื้นที่ส่วนกลาง ก็เป็นพื้นที่ที่ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ฉะนั้นคอนโดมิเนียมสมัยนี้ต้องออกแบบให้มี โค-เวิร์ก กิ้ง สเปซสำหรับนั่งเล่นฟังเพลงหรือทำงานก็ได้ ให้ความสบายเหมือนอยู่บ้าน เพราะห้องชุดค่อนข้างเล็ก นอกจากนี้ยังมีบริการเรียกรถลีมูซีน และรถแท็กซี่ ขึ้นกับบางคอนโดมิเนียมที่มีจุดเน้นในเรื่องดังกล่าว
“วันนี้ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหลายเริ่มแข่งขันด้านนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อให้ลูกบ้านได้รับความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย”
ด้านบ้านจัดสรร ซึ่งมีพื้นที่มากกว่าห้องชุด การตกแต่งก็มีการใส่นวัตกรรมให้กับบ้านด้วยเช่นกัน แต่ไม่มากนัก ที่สำคัญผู้อยู่อาศัยต้องการเรื่องความปลอดภัยมากกว่า ด้วยการออกแบบให้เป็นบ้านอัจฉริยะ ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างภายในบ้านผ่านโทรศัพท์มือถือ ด้านการตกแต่ง สมัยก่อนตกแต่งผนังให้สวยงาม แต่สมัยใหม่จะเป็นห้องสีขาว และชื่นชมความงามผ่านสื่อดิจิตอลมากขึ้น อย่างเช่น ทีวีรุ่นใหม่ของซัมซุง ติดผนังเป็นกรอบรูปดิจิตอลก็ได้ สามารถนำรูปถ่ายใส่เข้าไปหรือเป็นจอทีวีก็ได้ หรือมีการสั่งงานด้วยเสียงก็ได้ ทำให้คนอยู่ได้ประสบการณ์ ใหม่ๆ ตลอดเวลา อยู่แล้วไม่เบื่อ
“ที่อยู่อาศัยยุคนี้เน้นความสะดวกผ่านเทคโนโลยี ซึ่งแนวโน้มเทคโนโลยีมีราคาถูกลงทุกวัน ทำให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ต่างจากสมัยก่อนที่มองว่าเทคโนโลยีเป็นของคนมีฐานะเท่านั้น” นายธนวัฒน์กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวนำเทคโนโลยีมาตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ และเสริมความแตกต่างก็มี บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ที่เน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาสินค้าและการบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งที่ทำไปบ้างแล้ว คือการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเป็นพลังงานสะอาด การทำแอพพลิเคชัน SENA 360ํ SERVICE ที่พัฒนาเพื่อบริการหลังการขายที่ครบวงจร สร้างความสะดวกสบายอันสูงสุดให้กับลูกบ้าน ด้วยประสิทธิภาพการใช้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น การบริการแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง, การบริการรับฝากขาย-เช่า หรือติดตาม และตรวจสอบปริมาณ การลดค่าไฟฟ้าจากโซลาร์ เป็นต้น
บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ร่วมมือกับ เอไอเอส พัฒนาแพลตฟอร์มแห่งการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ชื่อว่า “Baan Rue Jai Platform” (บ้านรู้ใจ) ที่พัฒนาขึ้นตามหลัก Human- Centric อันเกิดจากการศึกษาปัญหาและความต้องการในการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้า จะเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมเอา Innovations และ Solutions จากที่พัฒนาโดยบริษัทเอสซีฯ เอง และจากพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัวสมาชิกเอสซี สะดวกสบายและปลอดภัยขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,328 วันที่ 4 - 6 มกราคม พ.ศ. 2561
ปัจจุบันเทคโนโลยีแทรกซึมไปเกือบทุกธุรกิจและบริการ สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน บริษัทอสังหาฯชั้นนำได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต หรือคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์รูปแบบการอยู่อาศัยของคนในยุคนี้ได้อย่างสูงสุด
นายธนวัฒน์ สุขัคคานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทีเรียร์วิชั่น จำกัด เปิดเผยถึงไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในปัจจุบันว่า คนที่อยู่คอนโดมิเนียม ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านดิจิตอลอย่างมาก เช่น การบริหารจัดการส่งจดหมายให้ถึงห้อง โดยใช้ AI บูรณาการข้อมูลของลูกบ้าน ซึ่งเรื่องนี้สมัยก่อนดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว
สมัยก่อนในคอนโดมิเนียมต้องมีห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันไม่จำเป็น แค่พื้นที่พอเหมาะ จำนวนอุปกรณ์ออกกำลังกายไม่ต้องจัดเต็ม เน้นอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยี แสดงค่าพลังงานที่ใช้ ด้านพื้นที่ส่วนกลาง ก็เป็นพื้นที่ที่ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ฉะนั้นคอนโดมิเนียมสมัยนี้ต้องออกแบบให้มี โค-เวิร์ก กิ้ง สเปซสำหรับนั่งเล่นฟังเพลงหรือทำงานก็ได้ ให้ความสบายเหมือนอยู่บ้าน เพราะห้องชุดค่อนข้างเล็ก นอกจากนี้ยังมีบริการเรียกรถลีมูซีน และรถแท็กซี่ ขึ้นกับบางคอนโดมิเนียมที่มีจุดเน้นในเรื่องดังกล่าว
ด้านบ้านจัดสรร ซึ่งมีพื้นที่มากกว่าห้องชุด การตกแต่งก็มีการใส่นวัตกรรมให้กับบ้านด้วยเช่นกัน แต่ไม่มากนัก ที่สำคัญผู้อยู่อาศัยต้องการเรื่องความปลอดภัยมากกว่า ด้วยการออกแบบให้เป็นบ้านอัจฉริยะ ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างภายในบ้านผ่านโทรศัพท์มือถือ ด้านการตกแต่ง สมัยก่อนตกแต่งผนังให้สวยงาม แต่สมัยใหม่จะเป็นห้องสีขาว และชื่นชมความงามผ่านสื่อดิจิตอลมากขึ้น อย่างเช่น ทีวีรุ่นใหม่ของซัมซุง ติดผนังเป็นกรอบรูปดิจิตอลก็ได้ สามารถนำรูปถ่ายใส่เข้าไปหรือเป็นจอทีวีก็ได้ หรือมีการสั่งงานด้วยเสียงก็ได้ ทำให้คนอยู่ได้ประสบการณ์ ใหม่ๆ ตลอดเวลา อยู่แล้วไม่เบื่อ
“ที่อยู่อาศัยยุคนี้เน้นความสะดวกผ่านเทคโนโลยี ซึ่งแนวโน้มเทคโนโลยีมีราคาถูกลงทุกวัน ทำให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ต่างจากสมัยก่อนที่มองว่าเทคโนโลยีเป็นของคนมีฐานะเท่านั้น” นายธนวัฒน์กล่าว
บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ร่วมมือกับ เอไอเอส พัฒนาแพลตฟอร์มแห่งการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ชื่อว่า “Baan Rue Jai Platform” (บ้านรู้ใจ) ที่พัฒนาขึ้นตามหลัก Human- Centric อันเกิดจากการศึกษาปัญหาและความต้องการในการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้า จะเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมเอา Innovations และ Solutions จากที่พัฒนาโดยบริษัทเอสซีฯ เอง และจากพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของครอบครัวสมาชิกเอสซี สะดวกสบายและปลอดภัยขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,328 วันที่ 4 - 6 มกราคม พ.ศ. 2561
