ลุยซื้อ LTF พ.ย. 5 พันล้าน! กองทุนชอบ ‘หุ้นอสังหาฯ’

26 พ.ย. 2560 | 10:19 น.
1714

นักลงทุนตื่นตัว! แห่ซื้อกองทุน LTF เดือน พ.ย. กว่า 4.8 พันล้านบาท บลจ. เฟ้นหุ้นเข้าพอร์ต ชี้! กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ราคายังถูก เทียบหลายกลุ่มเริ่มแพง เชียร์กองหุ้นมิด-สมอลแคปโดดเด่น

นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์ข้อมูลอาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ชฯ เปิดเผยว่า นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ตั้งแต่วันที่ 1-22 พ.ย. 2560 มีเงินไหลเข้าสุทธิ 4,856.11 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 22 พ.ย. 2560 มีเงินไหลเข้าสุทธิ 4,856.11 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 22 พ.ย. 2560 ยอดเงินไหลออกสุทธิในกองทุน LTF ลดลงเหลือ 13,668.31 ล้านบาท จากช่วงที่ผ่านมา สูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท


image288774411

“ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่เข้ามาลงทุน โดยรอดัชนีปรับฐาน แต่ตอนนี้เริ่มมียอดซื้อเข้ามามากขึ้น” นายกิตติคุณ กล่าว

น.ส.ฉัตรแก้ว เกราะทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มเป้าหมายที่ยังน่าสนใจท่ามกลางตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,700 จุดแล้ว มองกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ราคายังไม่แพง เมื่อเทียบกับราคาหุ้นหลายกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมาก

ส่วนกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ กลุ่มพาณิชย์และท่องเที่ยว ยังเป็นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งหุ้นหลายตัวเริ่มแพงจนอัพไซด์เหลือน้อย จึงต้องเลือกเป็นรายตัว ดูแนวโน้มหรือปัจจัยใหม่ ที่จะเข้ามาสนับสนุนกำไรของบริษัท ส่วนกลุ่มแบงก์ยังให้น้ำหนักลงทุน เนื่องจากมองหนี้เสียน่าจะน้อยลงแล้ว ขณะที่ คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น การปล่อนสินเชื่อของธนาคารก็น่าจะเพิ่มขึ้น ตามเศรษฐกิจที่คาดว่า จะเติบโตสูงกว่า 4%


โปรโมทแทรกอีบุ๊ก

“หุ้นหลายตัวราคาขึ้นมามาก เราจึงต้องเข้าไปดูว่า อนาคตยังเติบโตได้ดีหรือไม่ เพราะหากราคาขึ้นถึงเป้าหมาย หรือลงทุนไปแล้วไม่ได้ตามเป้า ก็จะขายหุ้นตัวนั้นออก เพื่อหาหุ้นที่มีการเติบโตที่ดีและมีอัพไซด์ ส่วนหุ้นกลุ่มลีสซิ่ง แม้ราคาจะแพง แต่เมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไร ค่อนข้างสูง จึงยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ ส่วนกลุ่มพลังงานไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก” น.ส.ฉัตรแก้ว กล่าว

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นปี 2561 มองเป้าหมายดัชนีสิ้นปีที่ 1,815 จุด กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เติบโต 10% ดังนั้น การเลือกหุ้นของกองทุน จะเลือกหุ้นที่มีการเติบโตสูงและมีอัพไซด์มากกว่าตลาดที่เติบโต 10%

สำหรับคนที่ยังไม่ได้ซื้อกองทุน LTF แนะนำให้เฉลี่ยซื้อทุกสัปดาห์ ไม่ต้องรอสิ้นปี เพราะจะต้องถือลงทุน 7 ปีปฏิทินอยู่แล้ว ส่วนคนที่กังวลกับตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามาก อาจเลือกกองทุนที่ลงทุนในหุ้น 70% และตราสารหนี้ 30% แทนการลงทุนกองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้น 100% ส่วนกองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งกำไรในพอร์ตของกองทุนที่บริหารอยู่ คาดว่าจะเติบโต 25-30% สูงกว่าตลาดเติบโต 10%

 

[caption id="attachment_140306" align="aligncenter" width="503"] นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต[/caption]

น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารทุน บลจ.กสิกรไทย จก. กล่าวว่า หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว มองว่าเป็นกลุ่มที่น่าสนใจต่อเนื่องยาวถึง 5 ปี ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกกลุ่มเป้าหมายที่ราคาหุ้นยังไม่แพงและลงทุนได้ในระยะยาว จากการขยายตัวของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ

“ตอนนี้ ตลาดหุ้นเริ่มแพง ซื้อขายที่พี/อี 16.5 เท่า เทียบกับเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 13.5 เท่า ดังนั้น ราคาที่แพงจะมาด้วยความคาดหวังสูงและผันผวน ขณะที่ แนวโน้มตลาดหุ้นปีหน้ามองดัชนีปลายปีที่ 1,820 จุด ซึ่งมีอัพไซด์ประมาณ 10% จากนี้จึงมองครึ่งปีหลังของปีหน้า ตลาดคงผันผวนสูงขึ้น จากสภาพคล่องในระบบจะลดลงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดงบดุล และธนาคารกลางยุโรปจะเริ่มลดวงเงินคิวอี” น.ส.ธิดาศิริ กล่าว


หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,317 วันที่ 26-29 พ.ย.  2560 หน้า 01-02

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว