CocoBee Honey Chicken ขยายแฟรนไชส์เจาะกลุ่มภูธร
แบรนด์ CocoBee Honey Chicken (โคโค่บี ฮันนี ชิกเก้น) หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นกับแบรนด์นี้ เป็นชื่อแบรนด์ร้านอาหารเกาหลี ที่มีความอร่อยเทียบชั้นแบรนด์ดัง เพียงแต่ CocoBee Honey Chicken เป็นแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตลาดมาได้ 4 ปีเต็ม และไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์ ขับเคลื่อนธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ที่ผ่านมาแบรนด์เริ่มติดตลาดจากการพูดปากต่อปากกลุ่มลูกค้าที่เคยลิ้มลองมาแล้ว 70% ต้องกลับมาใช้บริการอีก
กนกสร ประดิษฐ์ “บวบ” และเจ ด๊อก ชอย หรือ “ทิม ชอย” 2 สามีภรรยาเจ้าของแบรนด์ดังกล่าวจับคู่กันได้ลงตัวเพราะสามีเป็นคนเกาหลีชอบประเทศไทย ภรรยาเป็นคนไทยชอบทำอาหารเกาหลี เลยมีไอเดียยกครัวเกาหลีมาไว้ในไทย
[caption id="attachment_227185" align="aligncenter" width="335"]
กนกสร ประดิษฐ์[/caption]
“บวบ” ย้อนปูมหลังให้ฟังว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ เริ่มจากที่สามีเป็นผู้ส่งออก-นำเข้าแมงกะพรุนจากจังหวัดสมุทรสงครามไปยังเกาหลี ต่อมาย้ายครอบครัวมาอยู่จังหวัดสมุทร สงคราม ด้วยเหตุผลอยู่ใกล้แหล่งแมงกะพรุนขนาดใหญ่ จึงสะดวกต่อการทำธุรกิจส่งออกซึ่งเป็นธุรกิจหลัก
ด้วยความที่ไม่อยู่นิ่ง “บวบ” มีแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่ว่า ต้องการจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และโดยส่วนตัวชื่นชอบที่จะทำอาหารเกาหลีอยู่เป็นทุน ด้วยประสบการณ์ชีวิตหลังแต่งงานอยู่เกาหลีนานถึง 4 ปี จึงเกิดไอเดียอยากมีอาชีพที่ 2 เมื่อความคิดตกผลึก จึงมาลงตัวด้วยการเปิดร้านอาหารเกาหลี เริ่มต้นชิมลางด้วยการเช่าอาคารพาณิชย์ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ขายไก่ทอดเกาหลีรสนํ้าผึ้งและรสซอสพริกเกาหลี ขนาด 5-10 กิโลกรัมต่อวัน
**ซิกเนเจอร์ ไก่ทอดกรอบเกาหลี
เมื่อตลาดเริ่มขานรับมากขึ้น จึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ CocoBee Honey Chicken ขึ้นมาในปี 2014 ธุรกิจร้านอาหารได้รับการขานรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะซิกเนเจอร์ ไก่ทอดกรอบเกาหลี ยังคงรสชาติ ออริจินัล โดยใช้วิธีปรุงแบบดั้งเดิมตามกรรมวิธีของเกาหลี คลุกซอสซึ่งเป็นสูตรที่มีการปรับอยู่ตลอดเวลาโดยมืออาชีพที่เชี่ยวชาญด้านซอสจากเกาหลีมาให้คำแนะนำและดูแลด้านเทคนิคให้ โดยเมนูในร้านจะเน้นไก่ทอดเกาหลี 70% สัดส่วน 30% จะเป็นอาหาร อื่นๆ เช่นข้าวปั้นเกาหลี (kimbab) ซุปกิมจิ (kimchi soup) ต๊อกบ๊อกกี้ ราบ๊อกกี้ และเมนูข้าวหน้าต่างๆ เช่น ข้าวหน้าหมูซอสพริก ข้าวเกาหลี ข้าวผัดกิมจิ บะหมี่จาจัง มาม่าเกาหลี สลัดโคโค่บี เกี๊ยวซ่า เป็นต้น ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วันนี้จากธุรกิจรองกำลังจะกลายเป็นธุรกิจหลัก เพราะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำมากขึ้นเรื่อยๆ
**ต่อยอดกระจายสาขาตจว.
“บวบ” เล่าให้ฟังอีกว่า พอแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักจึงต่อยอดด้วยการเปิดแฟรนไชส์ เน้นในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก ด้วยเหตุผลเดียว ที่อยากให้คนต่างจังหวัดได้รับประทานอาหารเกาหลี ที่อร่อยและไม่แพงมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 49 บาทขึ้นไป โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามารับประทานในกทม.ที่เดียว
การทำธุรกิจในรูปแฟรนไชส์ปัจจุบันจะคิดค่าเปิดแฟรนไชส์ 50,000 บาทต่อ 1 สาขา มีสูตรอาหารเกาหลีให้ทุกเมนูที่มีมากกว่า 10 เมนู จนล่าสุดขณะนี้มีแฟรนไชส์ขยายตัวแล้ว 10 สาขา อยู่ในพื้นที่กทม. 3 แห่ง ราชบุรี 2 แห่ง เพชรบุรี ตาก สมุทรสงคราม นครปฐม ให้บริการ 2 รูปแบบ ทั้งประเภทสั่งซื้อกลับบ้านและรับประทานภายในร้าน
**เดินแผนธุรกิจปี 2561
สำหรับเป้าหมายข้างหน้าในปี 2561 ตั้งเป้าว่า จะขยายสาขาแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอีก 5 สาขาขึ้นไป เช่น สาขาจันทบุรีกำลังจะเปิดที่จังหวัดพิษณุโลก กำแพงเพชร หัวหิน นอกจากนี้มีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการแปรรูปกิมจิและผักกาดดองเกาหลี ที่ปัจจุบันผลิตเพื่อป้อนสาขาต่างๆ ขณะนี้ผลิตป้อนไม่ทันมีออร์เดอร์เข้ามาจนล้นมือ และเริ่มมีลูกค้าสั่งซื้อกลับบ้านมากขึ้น ปีหน้าจึงต้องขยายการผลิตจาก 100 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ เพิ่มเป็น 2-3 เท่า พร้อมบรรจุลงหีบห่อให้คนที่สนใจซื้อไปรับประทานที่บ้าน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น
**จุดยืนในการทำธุรกิจ
“บวบ” บอกว่าการทำธุรกิจอาหารนั้น จะไม่เร่งขยับตัวเร็วเกินไป แต่จะค่อยๆเติบโต แต่สิ่งสำคัญที่จะให้นํ้าหนักก่อนคือ แต่ละสาขาจะต้องควบคุมคุณภาพให้ดี ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไก่ไม่สด สาขานั้นจะต้องหยุดทำเพื่อปรับปรุงคุณภาพของเมนูที่มีปัญหาก่อน รสชาติจะต้องคงเดิม ตอกยํ้าเรื่องความสะอาด รวมถึงจะต้องสร้างความมั่นคงให้กับสาขาในต่างจังหวัดโดยเฉพาะในจังหวัดเล็กๆจะมีเพียง 1 สาขา ยกเว้นในจังหวัดใหญ่ๆจะมีมากกว่า 1 สาขา โดยปัจจุบันแต่ละสาขาจะมียอดขาย 3-4 แสนบาทต่อเดือนต่อสาขา มุ่งเจาะกลุ่มฐานลูกค้าคนชั้นกลาง
ช่องทางในการเผยแพร่แบรนด์ CocoBee Honey Chicken สามารถเปิดดูได้ที่หน้าเพจ FB : Cocobeechicken และ FB ของแต่ล่ะสาขาจะขึ้นต้นด้วย Cocobee_maeklong, Cocobee_silpakorn, Cocobee_dumneon, Cocobee_ratcha buri,Cocobee_phetchaburi เป็นต้น
แม้จะเป็นแบรนด์ที่ยังไม่รู้จักอย่างแพร่หลาย เพราะไม่ถนัดด้านงานประชา สัมพันธ์ และมีงบในการลงทุนด้านนี้น้อย แต่สิ่งที่ทำให้ดีที่สุดในเวลานี้คือ ต้องการให้คนจดจำรสชาติอาหาร คุณภาพวัตถุดิบที่ส่วนใหญ่เป็นไก่ และผักชนิดต่างๆที่มีขายในจังหวัดที่ตั้งสาขานั้นๆที่แต่ละวันจะต้องสด สะอาด ผ่านการปรุงรสจนทุก คนสามารถเข้าถึงได้ เหล่านี้คือเป้าหมาย สำคัญที่ทำให้ CocoBee Honey Chicken เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางขึ้น
นอกจากนี้ “บวบ” แย้มให้ฟังทิ้งท้ายอีกว่า ล่าสุดเริ่มมีทุนคนไทยสนใจจะเข้ามาร่วมธุรกิจด้วย อีกทั้งกำลังทาบทามบริษัทชั้นนำด้านเครื่องดื่มรายหนึ่งมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจคาดว่าจะชัดเจนภายในปีหน้านี้ นับว่าเป็นอีกก้าวในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,311 วันที่ 5 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
กนกสร ประดิษฐ์ “บวบ” และเจ ด๊อก ชอย หรือ “ทิม ชอย” 2 สามีภรรยาเจ้าของแบรนด์ดังกล่าวจับคู่กันได้ลงตัวเพราะสามีเป็นคนเกาหลีชอบประเทศไทย ภรรยาเป็นคนไทยชอบทำอาหารเกาหลี เลยมีไอเดียยกครัวเกาหลีมาไว้ในไทย
[caption id="attachment_227185" align="aligncenter" width="335"]
“บวบ” ย้อนปูมหลังให้ฟังว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ เริ่มจากที่สามีเป็นผู้ส่งออก-นำเข้าแมงกะพรุนจากจังหวัดสมุทรสงครามไปยังเกาหลี ต่อมาย้ายครอบครัวมาอยู่จังหวัดสมุทร สงคราม ด้วยเหตุผลอยู่ใกล้แหล่งแมงกะพรุนขนาดใหญ่ จึงสะดวกต่อการทำธุรกิจส่งออกซึ่งเป็นธุรกิจหลัก
ด้วยความที่ไม่อยู่นิ่ง “บวบ” มีแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่ว่า ต้องการจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และโดยส่วนตัวชื่นชอบที่จะทำอาหารเกาหลีอยู่เป็นทุน ด้วยประสบการณ์ชีวิตหลังแต่งงานอยู่เกาหลีนานถึง 4 ปี จึงเกิดไอเดียอยากมีอาชีพที่ 2 เมื่อความคิดตกผลึก จึงมาลงตัวด้วยการเปิดร้านอาหารเกาหลี เริ่มต้นชิมลางด้วยการเช่าอาคารพาณิชย์ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ขายไก่ทอดเกาหลีรสนํ้าผึ้งและรสซอสพริกเกาหลี ขนาด 5-10 กิโลกรัมต่อวัน
เมื่อตลาดเริ่มขานรับมากขึ้น จึงตัดสินใจสร้างแบรนด์ CocoBee Honey Chicken ขึ้นมาในปี 2014 ธุรกิจร้านอาหารได้รับการขานรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะซิกเนเจอร์ ไก่ทอดกรอบเกาหลี ยังคงรสชาติ ออริจินัล โดยใช้วิธีปรุงแบบดั้งเดิมตามกรรมวิธีของเกาหลี คลุกซอสซึ่งเป็นสูตรที่มีการปรับอยู่ตลอดเวลาโดยมืออาชีพที่เชี่ยวชาญด้านซอสจากเกาหลีมาให้คำแนะนำและดูแลด้านเทคนิคให้ โดยเมนูในร้านจะเน้นไก่ทอดเกาหลี 70% สัดส่วน 30% จะเป็นอาหาร อื่นๆ เช่นข้าวปั้นเกาหลี (kimbab) ซุปกิมจิ (kimchi soup) ต๊อกบ๊อกกี้ ราบ๊อกกี้ และเมนูข้าวหน้าต่างๆ เช่น ข้าวหน้าหมูซอสพริก ข้าวเกาหลี ข้าวผัดกิมจิ บะหมี่จาจัง มาม่าเกาหลี สลัดโคโค่บี เกี๊ยวซ่า เป็นต้น ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วันนี้จากธุรกิจรองกำลังจะกลายเป็นธุรกิจหลัก เพราะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำมากขึ้นเรื่อยๆ
**ต่อยอดกระจายสาขาตจว.
“บวบ” เล่าให้ฟังอีกว่า พอแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักจึงต่อยอดด้วยการเปิดแฟรนไชส์ เน้นในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก ด้วยเหตุผลเดียว ที่อยากให้คนต่างจังหวัดได้รับประทานอาหารเกาหลี ที่อร่อยและไม่แพงมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 49 บาทขึ้นไป โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามารับประทานในกทม.ที่เดียว
การทำธุรกิจในรูปแฟรนไชส์ปัจจุบันจะคิดค่าเปิดแฟรนไชส์ 50,000 บาทต่อ 1 สาขา มีสูตรอาหารเกาหลีให้ทุกเมนูที่มีมากกว่า 10 เมนู จนล่าสุดขณะนี้มีแฟรนไชส์ขยายตัวแล้ว 10 สาขา อยู่ในพื้นที่กทม. 3 แห่ง ราชบุรี 2 แห่ง เพชรบุรี ตาก สมุทรสงคราม นครปฐม ให้บริการ 2 รูปแบบ ทั้งประเภทสั่งซื้อกลับบ้านและรับประทานภายในร้าน
สำหรับเป้าหมายข้างหน้าในปี 2561 ตั้งเป้าว่า จะขยายสาขาแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอีก 5 สาขาขึ้นไป เช่น สาขาจันทบุรีกำลังจะเปิดที่จังหวัดพิษณุโลก กำแพงเพชร หัวหิน นอกจากนี้มีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการแปรรูปกิมจิและผักกาดดองเกาหลี ที่ปัจจุบันผลิตเพื่อป้อนสาขาต่างๆ ขณะนี้ผลิตป้อนไม่ทันมีออร์เดอร์เข้ามาจนล้นมือ และเริ่มมีลูกค้าสั่งซื้อกลับบ้านมากขึ้น ปีหน้าจึงต้องขยายการผลิตจาก 100 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ เพิ่มเป็น 2-3 เท่า พร้อมบรรจุลงหีบห่อให้คนที่สนใจซื้อไปรับประทานที่บ้าน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น
**จุดยืนในการทำธุรกิจ
“บวบ” บอกว่าการทำธุรกิจอาหารนั้น จะไม่เร่งขยับตัวเร็วเกินไป แต่จะค่อยๆเติบโต แต่สิ่งสำคัญที่จะให้นํ้าหนักก่อนคือ แต่ละสาขาจะต้องควบคุมคุณภาพให้ดี ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไก่ไม่สด สาขานั้นจะต้องหยุดทำเพื่อปรับปรุงคุณภาพของเมนูที่มีปัญหาก่อน รสชาติจะต้องคงเดิม ตอกยํ้าเรื่องความสะอาด รวมถึงจะต้องสร้างความมั่นคงให้กับสาขาในต่างจังหวัดโดยเฉพาะในจังหวัดเล็กๆจะมีเพียง 1 สาขา ยกเว้นในจังหวัดใหญ่ๆจะมีมากกว่า 1 สาขา โดยปัจจุบันแต่ละสาขาจะมียอดขาย 3-4 แสนบาทต่อเดือนต่อสาขา มุ่งเจาะกลุ่มฐานลูกค้าคนชั้นกลาง
แม้จะเป็นแบรนด์ที่ยังไม่รู้จักอย่างแพร่หลาย เพราะไม่ถนัดด้านงานประชา สัมพันธ์ และมีงบในการลงทุนด้านนี้น้อย แต่สิ่งที่ทำให้ดีที่สุดในเวลานี้คือ ต้องการให้คนจดจำรสชาติอาหาร คุณภาพวัตถุดิบที่ส่วนใหญ่เป็นไก่ และผักชนิดต่างๆที่มีขายในจังหวัดที่ตั้งสาขานั้นๆที่แต่ละวันจะต้องสด สะอาด ผ่านการปรุงรสจนทุก คนสามารถเข้าถึงได้ เหล่านี้คือเป้าหมาย สำคัญที่ทำให้ CocoBee Honey Chicken เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางขึ้น
นอกจากนี้ “บวบ” แย้มให้ฟังทิ้งท้ายอีกว่า ล่าสุดเริ่มมีทุนคนไทยสนใจจะเข้ามาร่วมธุรกิจด้วย อีกทั้งกำลังทาบทามบริษัทชั้นนำด้านเครื่องดื่มรายหนึ่งมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจคาดว่าจะชัดเจนภายในปีหน้านี้ นับว่าเป็นอีกก้าวในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้น
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,311 วันที่ 5 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
