มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 โฉมใหม่ อะไรเปลี่ยน

07 ต.ค. 2560 | 05:28 น.
ชัดเจนจากปากของท่านประธาน “ชาญชัย ตระการอุดมสุข” แห่งมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ว่าเตรียมนำเอสยูวีรุ่นที่ขายดีที่สุดของมาสด้า (ทั่วโลก) “ซีเอ็กซ์-5 โฉมใหม่” เจเนอเรชันที่ 2 เข้ามาเปิดตัวในเมืองไทยเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะที่รองแม่ทัพ “ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์” ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดแย้มว่า รุ่นนี้มาดีมีออพชันเต็ม ราคาอาจจะขยับเล็กน้อย ดังนั้นใครไม่อยากรอ ลองพิจารณารุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบันที่มีรถพร้อมส่งมอบทันที (อาจจะเหลือไม่มากในบางโชว์รูม) ซึ่งคำนวณโปรโมชันรวมๆแล้ว มูลค่าเกือบๆ 2 แสนบาทเลยทีเดียว

20170929_CX50758 20170929_CX50700 ...เรียกว่าใครชอบความคุ้มค่า ขอเชิญที่โชว์รูมมาสด้าเพื่อคุยกับที่ปรึกษาการขายให้จบๆไป ส่วนคนนิยมความทันสมัยขับเท่ดูดี มีการพัฒนาก็รอรุ่นใหม่ที่เตรียมเปิดตัวเดือนพฤศจิ กายนนี้แล้วกัน

ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมและสื่อมวลชนไทยร่วม 40 ชีวิต เดินทางไปที่ประเทศมาเลเซียเพื่อรับทราบข้อมูล สัมผัสตัวจริงและลองขับพอหอมปากหอมคอกับ “ซีเอ็กซ์-5 โฉมใหม่” นำโดยโปรแกรม เมเนเจอร์ ผู้พัฒนารถยนต์รุ่นนี้ชาวญี่ปุ่นพร้อมทีมงานอีกเพียบที่คอยตอบทุกข้อสงสัย

โดย “ซีเอ็กซ์-5 โฉมใหม่” ที่ขายเมืองไทยจะนำเข้ามาจากโรงงานประกอบรถยนต์มาสด้า คูลิม (Kulim) ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย โดยโรงงานแห่งนี้เป็นการร่วมมือระหว่าง “มาสด้า คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น” กับ “เบอร์มาซ” กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของมาเลเซีย ถือหุ้นในสัดส่วน 49/51%ตามลำดับ ปัจจุบันผลิต มาสด้า 3 เพื่อป้อนตลาดในประเทศ ส่วน ซีเอ็กซ์-5 รองรับในประเทศและการส่งออกในอาเซียน 20170928_CX51390 20170929_CX50002 20170928_CX51378 20170928_CX51385

mp33-3302-2a สำหรับ“ซีเอ็กซ์-5 โฉมใหม่” มาสด้าวางคุณค่าไว้ 3 ข้อหลักๆคือ 1.การออกแบบภายนอกที่งดงามมีเสน่ห์ 2. ภายในเน้นการออกแบบเรียบง่ายแต่ฟังก์ชันต่างๆต้องใช้งานง่าย รองรับความสะดวกสบาย 3. สมรรถนะการขับขี่ยังเน้นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างคนกับรถ แต่ผู้โดยสารต้องนั่งสบายด้วย

ในส่วนการเปลี่ยน แปลงแบบเห็นได้ชัดเจนคือการออกแบบภายนอก ด้วยแนวคิด Less is More เรียบง่ายแต่ดูดี จะเห็นว่าโคมไฟหน้า-หลังถูกปรับให้เรียวเล็กหรือตาตี่ลง เช่นเดียวกับไฟตัดหมอกด้านล่างเป็น LED ลดขนาดเหลือดวงกระจิ๊ดเดียว ขณะที่เสาเอ (A-Pillar) ถูกปรับตำแหน่งไปด้านหลังประมาณ 35 มิลลิเมตร

ด้านมิติของรถยาวขึ้น 10 มม. ระยะฐานล้อเท่าเดิม 2,700 มม. ส่วนตัวรถเตี้ยลงเช่นเดียวกับระยะตํ่าสุดจากพื้น ดังนั้นเมื่อมองรวมๆตัวรถจึงดูแบนๆ กว้างๆ กว่าเดิมเล็กน้อย ขณะที่การเข้าไปนั่งด้านหลัง (เบาะแถว 2)ไม่ได้รู้สึกว่ากว้างขวางกว่าเดิม แต่มาสด้าปรับพนักพิงให้สามารถปรับความชันได้ 2 ระดับ (เพราะคู่แข่งทำได้) ทั้งยังเปิดเผยว่าพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังเพิ่มขึ้นจาก 500 ลิตร เป็น 505 ลิตร (ตามมาตรฐาน DIN พร้อมบริเวณเก็บของขนาดเล็ก)
มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 โฉมใหม่ ยังมาพร้อมสีแดงใหม่ Soul Red Crystal ที่ดูเงาวาว ลุ่มลึกมากขึ้น (ซึ่งสีแดงเดิมก็โดดเด่นมากๆอยู่แล้ว)

อย่างไรก็ตาม หนึ่งจุดที่มาสด้าพยายามทำให้ผู้โดยสารนั่งแล้วรู้สึกสบายตัว ไม่เวียนหัวเวลาเดินทางไกล คือการเพิ่มระบบควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control หรือ GVC ที่จัดให้ในมาสด้า 3 ไมเนอร์เชนจ์มาก่อนหน้านี้
โดย GVC นอกจะช่วยให้การทรงตัวมีเสถียรภาพสูงสุดแล้ว ยังช่วยลดแรงเหวี่ยง ทำให้สรีระของผู้โดยสารเกิดการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด บรรเทาอาการเมารถ-เวียนหัวได้ในระดับหนึ่ง (ด้วยเทคนิคลดกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการเลี้ยวและเพิ่ม-ลดแรงเบรกในแต่ละล้อ) ผสานกับการออกแบบโครงสร้างตัวถังให้มีความสามารถในการต้านแรงบิดมากขึ้น 15.5% ปรับการตอบสนองของพวงมาลัย เบรก และเซตช่วงล่างใหม่ เน้นความหนึบแน่นและนุ่มนวล
ภายในมีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ด้านขวามือของชุดมาตรวัด โดยมาสด้าใช้หน้าจอสีที่มีความละเอียดสูงแบบ TFT LCD ขนาด 4.6 นิ้ว ส่วนหน้าจอแสดงผลกลางขนาด 7 นิ้ว ถูกย้ายขึ้นไปอยู่ตำแหน่งบนสุดของแผงคอนโซลหน้าเพื่อลดการละสายตาของผู้ขับขี่ และยังเป็นครั้งแรกที่มาสด้าใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อจอ LCD กับแผงสัมผัสแบบ Optical Bonding ซึ่งจะช่วยลดแสงสะท้อนทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นหน้าจอได้ชัดเจนมากขึ้น

mp33-3302-a ตลอดจนระบบ MZD CONNECT ประกอบด้วย ระบบเครื่องเสียง, การใช้งานโทรศัพท์แบบไร้สาย, ระบบติดต่อสื่อสารผ่าน
แอพพลิเคชัน Aha™ by HARMAN รวมไปถึงระบบนำทางผ่านดาวเทียมซึ่งใช้ข้อมูลจากเอสดีการ์ด ในรุ่นท็อปยังมาพร้อมชุดเครื่องเสียง Bose ขับเสียงด้วยลำโพง 10 ตัว พร้อมเพิ่มซับวูฟเวอร์อยู่ที่ช่องเก็บยางอะไหล่ด้านหลัง

ส่วนเครื่องยนต์มี 2 ทางเลือกคือ เบนซิน 2.0 ลิตร และดีเซล 2.2 ลิตร ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งตัวฮาร์ดแวร์ได้ปรับปรุงอะไร และให้ประสิทธิผลเท่าเดิม ดังนั้นถ้าเทียบกับรุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบัน บล็อกแรกจะมีกำลัง 165 แรงม้า ส่วนบล็อกหลัง 175 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน4ล้ออัตโนมัติ

mp33-3302-3a นอกจากนี้ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลยังเพิ่มตัว NSS-Natural Sound Smoother เข้ามาในแหวนลูกสูบ รวมถึงเทคนิคการปรับแต่งคลื่นความถี่เสียงรบกวน หวังให้เสียงเครื่องยนต์เงียบ หรือเข้ามารบกวนในห้องโดยสารน้อยลง
...ทั้งหมดเป็นข้อมูลเบื้องต้นของเอสยูวีรุ่นขายดีที่เจเนอเรชันแรกที่กวาดยอดขายไป 1.4 ล้านคันทั่วโลก ส่วนโฉมใหม่เจเนอเรชันที่ 2 เจอกันเดือนพฤศจิกายนนี้ที่เมืองไทย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,302 วันที่ 5 - 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-3