ปั้น‘เพย์ทีวี’โลว์คอสต์ ทุนดาวเทียมดิ้นสู้ ‘เนกซ์สเตป’ทุ่ม10ปี5,000ล้าน
ทีวีดาวเทียมดิ้นสู้เฮือกสุดท้าย “เนกซ์สเตป” นำร่องพลิกแพลตฟอร์มสู่เพย์ทีวี เผย 10 ปีทุ่มงบลงทุน 5,000 ล้านบาท ชูจุดขายโลว์คอสต์แค่ 300 บาทต่อเดือนชมได้ทั้งคอนเทนต์ไทย-เทศ
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาหลังเกิดการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่เพื่อก้าวสู่ทีวีดิจิตอลในเมืองไทย พบว่ากลุ่มผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมต่างได้รับผลกระทบจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ธุรกิจลดลง จนกระทั่งประสบปัญหาขาดทุนและต้องทยอยเลิกกิจการไปจากตลาด ขณะที่บางรายพยายามปรับตัว ปรับคอนเทนต์เพื่อให้อยู่ได้ แต่ทีวีดาวเทียมเมืองไทยก็ยังมีข้อจำกัดหลายด้านโดยเฉพาะกล่องรับสัญญาณที่เป็นระบบความคมชัดมาตรฐาน (SD) ขณะที่ทีวีดิจิ ตอลจะเป็นระบบความคมชัดสูง (HD) แนวทางการต่อสู้ล่าสุดที่เกิด ขึ้นคือการพลิกรูปแบบการให้บริการสู่ “เพย์ทีวี” โดยอาศัยเนื้อหาที่แตกต่าง คุ้มค่า คุ้มราคา เพื่อต่อ ยอดธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
โดยนายจิรัฐิติ โรจนานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนกซ์สเตป จำกัด ผู้ให้บริการเพย์ทีวีระบบดาวเทียม ภายใต้ชื่อ Good TV เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมได้รับผลกระทบอย่างหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิดทีวีดิจิตอลขึ้นในเมืองไทย อย่างไรก็ดี หลังการศึกษาถึงทิศทางการตลาด ผู้บริโภคและการแข่งขัน ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าเพย์ทีวีในเมืองไทยเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ มีการพัฒนาและมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างมาก เพราะพฤติกรรมผู้ชมจะเลือกชมเฉพาะสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ และยินดีที่จะจ่ายเพื่อซื้อความพึงพอใจให้กับตนเอง รวมทั้งยังต้องการเสพความบันเทิงผ่านทางทีวีมากกว่าการดูผ่านจอโทรศัพท์ ซึ่งเป็นอีกดีไวซ์ที่จะมาช่วยในช่วงเวลาที่จำเป็นหรือมีข้อจำกัดเท่านั้น เช่น การจราจรติดขัด การรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา เป็นต้น
“วันนี้ทีวีดาวเทียมเหลืออยู่ไม่ถึง 10% จากอดีตที่มีจำนวนมาก เพราะไม่สามารถแข่งขันกับทีวีดิจิตอลที่ทุ่มงบมหาศาลลงทุนอุปกรณ์ เครื่องมือ เทคโนโลยี คอนเทนต์เพื่อสร้างความแตกต่างและแข่งขันในธุรกิจ วันนี้ช่องทีวีดาวเทียมที่เป็นฟรีทูแอร์จึงอยู่ไม่ได้ อย่างไรก็ดีหนทางที่จะผลักดันให้ทีวีดาวเทียมอยู่รอด คือ การเพิ่มรายได้จากการเป็นเพย์ทีวี ซึ่งการจะเป็นเพย์ทีวีได้ จะต้องเข้าใจในความต้องการของผู้ชม รู้ว่าช่องประเภทใดที่คนนิยมดู และยินดีที่จะจ่ายเงิน”
การสร้างช่องทีวีดาวเทียมจำเป็นจะต้องมีความเป็นนิช โดยคำนึงถึงว่าต้องการโฟกัสอะไร สารคดี ภาพยนตร์ กีฬา ฯลฯ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน ซึ่งในต่างประเทศจะเป็นที่นิยมสูง เช่น ช่องทีวีบ้านและสวน, ช่องทีวีมิวเซียม เป็นต้น
อย่างไรก็ดีการก้าวเข้าสู่ธุรกิจเพย์ทีวีภายใต้ชื่อ Good TV บริการแบบบอกรับสมาชิกนั้น เป็นธุรกิจที่บริษัทสนใจและศึกษามานานก่อนตัดสินใจเริ่มดำเนินธุรกิจในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมุ่งเจาะกลุ่มครอบครัวระดับปานกลาง มีจุดขายที่ค่าบริการ 300 บาทต่อเดือน มีคอนเทนต์ให้ชมหลากหลาย 65 ช่อง ทั้งช่องทีวีดิจิตอล ช่องสารคดี เช่น NAT GEO WILD HD , MYSCI HD ฯลฯ ช่องข่าว เช่น NHK WORLD HD, EURONEWS ฯลฯ ช่อง FOX หนังและซีรีส์ HD เช่น FOX CRIME HD, FOX FAMILY MOVIES HD, STAR WORLD HD ฯลฯ ช่องบันเทิง เช่น M CHANNEL, FAN TV, MONEY CHANNEL เป็นต้น
ขณะที่ระบบการส่งสัญญาณด้วยเทคโนโลยีการบีบอัดสัญญาณรูปแบบใหม่ H.265 พร้อมอุปกรณ์กล่องรับสัญญาณ (Set top Box) ที่ได้มาตรฐานการเข้ารหัสสัญญาณ ภายในกล่องหรือระบบ CA มาใช้ เพื่อรองรับการนำช่องรายการจากต่างประเทศมาออกอากาศในแพลตฟอร์มนี้
นายจิรัฐิติ กล่าวอีกว่า การจับมือกับพันธมิตรถือเป็นอีกแนวทางที่จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเนกซ์สเตป โดยที่ผ่านมามีการเปิดตัวพาร์ตเนอร์อย่าง FOX ผู้ให้บริการด้านคอนเทนต์ระดับโลก นำรายการมาอยู่บนแพลตฟอร์ม จำนวน 8 ช่อง อาทิ Fox Thai HD , Star Chiness Movies , Nat Geo Wild HD เป็นต้น นอกจากนี้ยังร่วมกับโซนี่ ในการจัดทำแคมเปญร่วมกันคือ เมื่อซื้อทีวีโซนี่ รับสิทธิ์ชมกู๊ดทีวีฟรีนาน 3 เดือนและในอนาคตบริษัทยังมีแผนเปิดตัวพาร์ตเนอร์อย่างต่อเนื่อง ตามช่วงจังหวะเวลา ที่เหมาะสม และการแข่งขันที่เกิดขึ้นด้วย
“เป้าหมายของบริษัทคือการสร้างฐานผู้ชมให้ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะหลังจากการเพิ่มแพลตฟอร์มการให้บริการมาเป็นเพย์ทีวี ทำให้ผู้ชมต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากในอดีตที่รับชมแบบฟรีทูแอร์ แต่สิ่งที่จะได้เพิ่มขึ้นจากคอนเทนต์ต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ในฟรีทีวีหรือทีวีดิจิตอลไม่มี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดแข็งและจะใช้เป็นจุดขายต่อไปในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีพาร์ตเนอร์เข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย”
สำหรับแผนงานการลงทุนของบริษัทตลอดระยะเวลา 10 ปีนี้จะใช้เงินลงทุนรวมไม่ตํ่ากว่า 5,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาสิ่งที่ลงทุนมากสุดได้แก่ คอนเทนต์ ซึ่งมีทั้งคอนเทนต์ต่างประเทศและโลคัลคอนเทนต์ ทั้งนี้การจะลงทุนเพิ่มขึ้นหรือการทำการตลาดให้มากขึ้นจะขึ้นอยู่กับภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ายังไม่ดีนัก แต่ในปีหน้าคาดว่าจะมีการเติบโตและส่งสัญญาณที่ดี และจะเป็นโอกาสในการผลักดันให้เติบโตมากขึ้น
ขณะที่กระแสนิยมในทีวีทางอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้พบว่า ทีวีทางอินเตอร์เน็ตยังมีข้อจำกัดในเรื่องของโครงข่ายสัญญาณที่ครอบคลุมไม่ทั่วถึง ต่างกับโครงข่ายดาวเทียมที่กระจายครอบคลุมได้ทั่วประเทศ ขณะที่การ รับชมผ่านโทรศัพท์มือถือ ก็ยังมีข้อจำกัดสามารถดูได้เพียงช่วงเวลา สั้นๆ ไม่สามารถดูได้เป็นเวลานาน เพราะจะสิ้นเปลืองและมีปัญหาด้านสัญญาณการเชื่อมต่อ รวมถึงปัญหาด้านลิขสิทธิ์รายการ และสำคัญคืออรรถรสในการรับชมเมื่อเทียบกับการชมผ่านทางโทรทัศน์และสัญญาณดาวเทียมที่เสถียรกว่า
“การใช้ราคา 300 บาทเป็นจุดขายสำคัญ ที่เชื่อว่าจะเป็นการจุดชนวนและเรียกความสนใจของกลุ่มผู้ชมที่ต้องการเสพความบันเทิง สาระและข่าวสารได้แบบรอบด้าน และเชื่อว่าเพย์ทีวีจะเป็นทางออกหนึ่งให้กับทีวีดาวเทียมได้เดินหน้าต่อไป”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,293 วันที่ 3 - 6 กันยายน พ.ศ. 2560
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาหลังเกิดการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่เพื่อก้าวสู่ทีวีดิจิตอลในเมืองไทย พบว่ากลุ่มผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมต่างได้รับผลกระทบจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ธุรกิจลดลง จนกระทั่งประสบปัญหาขาดทุนและต้องทยอยเลิกกิจการไปจากตลาด ขณะที่บางรายพยายามปรับตัว ปรับคอนเทนต์เพื่อให้อยู่ได้ แต่ทีวีดาวเทียมเมืองไทยก็ยังมีข้อจำกัดหลายด้านโดยเฉพาะกล่องรับสัญญาณที่เป็นระบบความคมชัดมาตรฐาน (SD) ขณะที่ทีวีดิจิ ตอลจะเป็นระบบความคมชัดสูง (HD) แนวทางการต่อสู้ล่าสุดที่เกิด ขึ้นคือการพลิกรูปแบบการให้บริการสู่ “เพย์ทีวี” โดยอาศัยเนื้อหาที่แตกต่าง คุ้มค่า คุ้มราคา เพื่อต่อ ยอดธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
โดยนายจิรัฐิติ โรจนานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนกซ์สเตป จำกัด ผู้ให้บริการเพย์ทีวีระบบดาวเทียม ภายใต้ชื่อ Good TV เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผู้ประกอบการทีวีดาวเทียมได้รับผลกระทบอย่างหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิดทีวีดิจิตอลขึ้นในเมืองไทย อย่างไรก็ดี หลังการศึกษาถึงทิศทางการตลาด ผู้บริโภคและการแข่งขัน ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าเพย์ทีวีในเมืองไทยเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ มีการพัฒนาและมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างมาก เพราะพฤติกรรมผู้ชมจะเลือกชมเฉพาะสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ และยินดีที่จะจ่ายเพื่อซื้อความพึงพอใจให้กับตนเอง รวมทั้งยังต้องการเสพความบันเทิงผ่านทางทีวีมากกว่าการดูผ่านจอโทรศัพท์ ซึ่งเป็นอีกดีไวซ์ที่จะมาช่วยในช่วงเวลาที่จำเป็นหรือมีข้อจำกัดเท่านั้น เช่น การจราจรติดขัด การรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา เป็นต้น
“วันนี้ทีวีดาวเทียมเหลืออยู่ไม่ถึง 10% จากอดีตที่มีจำนวนมาก เพราะไม่สามารถแข่งขันกับทีวีดิจิตอลที่ทุ่มงบมหาศาลลงทุนอุปกรณ์ เครื่องมือ เทคโนโลยี คอนเทนต์เพื่อสร้างความแตกต่างและแข่งขันในธุรกิจ วันนี้ช่องทีวีดาวเทียมที่เป็นฟรีทูแอร์จึงอยู่ไม่ได้ อย่างไรก็ดีหนทางที่จะผลักดันให้ทีวีดาวเทียมอยู่รอด คือ การเพิ่มรายได้จากการเป็นเพย์ทีวี ซึ่งการจะเป็นเพย์ทีวีได้ จะต้องเข้าใจในความต้องการของผู้ชม รู้ว่าช่องประเภทใดที่คนนิยมดู และยินดีที่จะจ่ายเงิน”
การสร้างช่องทีวีดาวเทียมจำเป็นจะต้องมีความเป็นนิช โดยคำนึงถึงว่าต้องการโฟกัสอะไร สารคดี ภาพยนตร์ กีฬา ฯลฯ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน ซึ่งในต่างประเทศจะเป็นที่นิยมสูง เช่น ช่องทีวีบ้านและสวน, ช่องทีวีมิวเซียม เป็นต้น
ขณะที่ระบบการส่งสัญญาณด้วยเทคโนโลยีการบีบอัดสัญญาณรูปแบบใหม่ H.265 พร้อมอุปกรณ์กล่องรับสัญญาณ (Set top Box) ที่ได้มาตรฐานการเข้ารหัสสัญญาณ ภายในกล่องหรือระบบ CA มาใช้ เพื่อรองรับการนำช่องรายการจากต่างประเทศมาออกอากาศในแพลตฟอร์มนี้
นายจิรัฐิติ กล่าวอีกว่า การจับมือกับพันธมิตรถือเป็นอีกแนวทางที่จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเนกซ์สเตป โดยที่ผ่านมามีการเปิดตัวพาร์ตเนอร์อย่าง FOX ผู้ให้บริการด้านคอนเทนต์ระดับโลก นำรายการมาอยู่บนแพลตฟอร์ม จำนวน 8 ช่อง อาทิ Fox Thai HD , Star Chiness Movies , Nat Geo Wild HD เป็นต้น นอกจากนี้ยังร่วมกับโซนี่ ในการจัดทำแคมเปญร่วมกันคือ เมื่อซื้อทีวีโซนี่ รับสิทธิ์ชมกู๊ดทีวีฟรีนาน 3 เดือนและในอนาคตบริษัทยังมีแผนเปิดตัวพาร์ตเนอร์อย่างต่อเนื่อง ตามช่วงจังหวะเวลา ที่เหมาะสม และการแข่งขันที่เกิดขึ้นด้วย
“เป้าหมายของบริษัทคือการสร้างฐานผู้ชมให้ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะหลังจากการเพิ่มแพลตฟอร์มการให้บริการมาเป็นเพย์ทีวี ทำให้ผู้ชมต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากในอดีตที่รับชมแบบฟรีทูแอร์ แต่สิ่งที่จะได้เพิ่มขึ้นจากคอนเทนต์ต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ในฟรีทีวีหรือทีวีดิจิตอลไม่มี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดแข็งและจะใช้เป็นจุดขายต่อไปในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีพาร์ตเนอร์เข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย”
สำหรับแผนงานการลงทุนของบริษัทตลอดระยะเวลา 10 ปีนี้จะใช้เงินลงทุนรวมไม่ตํ่ากว่า 5,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาสิ่งที่ลงทุนมากสุดได้แก่ คอนเทนต์ ซึ่งมีทั้งคอนเทนต์ต่างประเทศและโลคัลคอนเทนต์ ทั้งนี้การจะลงทุนเพิ่มขึ้นหรือการทำการตลาดให้มากขึ้นจะขึ้นอยู่กับภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ายังไม่ดีนัก แต่ในปีหน้าคาดว่าจะมีการเติบโตและส่งสัญญาณที่ดี และจะเป็นโอกาสในการผลักดันให้เติบโตมากขึ้น
“การใช้ราคา 300 บาทเป็นจุดขายสำคัญ ที่เชื่อว่าจะเป็นการจุดชนวนและเรียกความสนใจของกลุ่มผู้ชมที่ต้องการเสพความบันเทิง สาระและข่าวสารได้แบบรอบด้าน และเชื่อว่าเพย์ทีวีจะเป็นทางออกหนึ่งให้กับทีวีดาวเทียมได้เดินหน้าต่อไป”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,293 วันที่ 3 - 6 กันยายน พ.ศ. 2560