นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว มั่นใจ ที่ประชุม กบง. วันนี้ ยังคงตรึงราคาขายปลีกแอลพีจีไว้ที่ 20.49 บาทต่อกิโลกรัมอีก 1 เดือน เพื่อลดแรงต่อต้านจากประชาชนหลังลอยตัวเสรี ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ระบุหากไม่ตรึงราคา จะทำให้ราคาก๊าซหุงตุ้มถัง15 กิโลกรัมสูงขึ้น 30 บาท
– 01 ส.ค. 60- นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ประเมินราคาแอลพีจีในตลาดโลกเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ตันละ 440 ดอลลาร์สหรัฐ สูงขึ้นจากเดือนกรกฎาคม ที่มีราคาตันละ 355 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าแอลพีจีสูงขึ้นกิโลกรัมละ 2 บาท หากรัฐบาลไม่มีการอุดหนุนจะทำให้ราคาแอลพีจีในประเทศสูงขึ้น
[caption id="attachment_188018" align="aligncenter" width="503"]
นายมนูญ ศิริวรรณ[/caption]
แต่คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ที่จะประชุมในช่วงบ่ายวันนี้ จะพิจารณาใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาดูแลราคาแอลพีจีไม่ให้สูงขึ้นในช่วงนี้ เพื่อไม่ให้มีแรงต่อต้านนโยบายการลอยตัวแอลพีจีในช่วงแรก เพราะถ้าปล่อยให้ราคาแอลพีจีสูงขึ้นตามต้นทุนการนำเข้ากิโลกรัมละ 2 บาท จะทำให้ถัง 15 กิโลกรัมสูงขึ้น 30 บาท
[caption id="attachment_188019" align="aligncenter" width="320"]
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ[/caption]
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว มั่นใจว่า หากราคาก๊าซแอลพีจีตลาดโลกที่นำมาคำนวณราคาขายปลีกหลังเปิดลอยตัวเพิ่มขึ้น เชื่อว่า ที่ประชุม กบง. จะยังมีมติให้คงราคาขายปลีกแอลพีจีไว้ที่ 20.49 บาทต่อกิโลกรัมในเดือนสิงหาคมต่ออีกไป 1 เดือน เพื่อไม่ให้ถูกต่อต้านจากประชาชนในช่วงเริ่มต้นแผนลอยตัวราคาก๊าซ
โดยราคาที่ กบง. ประกาศจะเป็นราคาอ้างอิงสำหรับผู้ค้าก๊าซ หากรายใดขึ้นราคาสูงจากราคาอ้างอิงก็จะขายไม่ได้เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีจำนวนรายมากขึ้นทำให้เกิดการแข่งขันและเกิดประ โยชน์กับผู้บริโภค แต่กังวลแนวโน้มของราคาก๊าซแอลพีจีตลาดโลกในช่วงปลายปีจะพุ่งขึ้นสูงมาก เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวทำให้ความต้องการพลังงานสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบเบาที่ตลาดไนเม็กซ์ ของสหรัฐปรับขึ้น 46 เซนต์ ไปปิดที่ 50.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรลล์ ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 เดือน นับตั้งแต่วันที 24 พฤษภาคมที่ราคาทะลุแนวต้านที่ 50 ดอลลาร์ได้สำเร็จ
การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในครั้งนี้ เป็นผลมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะต่อกรณีที่สหรัฐได้ขู่ที่จะเปิดฉากใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซูเอลา เพื่อตอบโต้การจัดการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติของประธานาธิบดี นิโคลาส์ มาดูโร แห่งเวเนซูเอลา ที่ปูทางสู่การเพิ่มอำนาจให้กับตัวเองมากขึ้นด้วยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าหากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรจริงก็จะทำให้เกิดแรงกดดันต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซูเอลาอย่างมาก
นอกจากนั้น กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก หรือโอเปก ยังเตรียมเปิดการหารือในสัปดาห์หน้าต่อมติการลดกำลังการผลิต ซึ่งมีทั้งซาอุดิอาราเบีย และมหาอำนาจผู้ส่งออกน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอย่างรัสเซียเข้าร่วมด้วย ขณะที่ ทางด้าน ผู้ผลิตน้ำมันจากแหล่งเชลล์ออยล์ หลายแหล่งก็เริ่มที่จะชะลอแผนการลงทุนเพิ่ม จึงทำให้ราคาน้ำมันเริ่มที่จะปรับขึ้นมาในรอบเดือน โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานี้ ราคาน้ำมันปรับขึ้นมาแล้วราว 8.29%
ขณะเดียวกัน บรรดากองทุนบริหารความเสี่ยง หรือ เฮดจ์ ฟันด์ ยังเริ่มที่จะเข้าลงทุนในน้ำมันกันมากขึ้นด้วยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมองว่า ราคาน้ำมันน่าจะกลับมาอยู่ในทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันในระยะนี้มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นต่อเนื่องด้วย