เครือเฮอริเทจ บุกตลาดนมอัลมอนด์ ทุ่มงบ 1,000 ล้านผุดโรงงานแห่งใหม่ เตรียมงบอีก 400-500 ล้าน ขยายไลน์ผลิตเพิ่ม ใช้ไทยส่งออกอาเซียน รับกระแสผู้บริโภคยุคปัจจุบันหันมาใส่ใจสุขภาพ
นางสาวคริสทีน ลอต ผู้จัดการการตลาดฝ่ายต่างประเทศ บริษัท บลู ไดมอน โกรเวอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ทำให้ตลาดสินค้าสุขภาพมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงได้เปิดตัวทำตลาดเครื่องดื่มนมอัลมอนด์ในเอเชีย ซึ่งเปิดตลาดในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ต่อมาเป็นตลาดในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี จนปัจจุบันเป็นผู้นำตลาด ล่าสุดจึงได้ขยายตลาดมาในประเทศไทย เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของตลาดในประเทสไทย ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเช่นกั และยังจะใช้ประเทศไทยเป็นการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียนด้วย
“สำหรับบลูไดมอนด์ เราจะคอยอัปเดตเทรนด์ของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในแต่ละประเทศ และคอยสอดส่องความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ เพื่อคอยค้นคว้า วิจัย และผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด ใส่ใจในทุกส่วนประกอบที่ปรุงแต่งและผสมลงไป เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดและมาจากธรรมชาติโดยแท้จริง ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคในหลายประเทศเริ่มหันมาใส่ใจและรักสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา ความนิยมในการบริโภคเครื่องดื่มนมอัลมอนด์เพิ่มมากขึ้นกว่า 50% ทำให้เครื่องดื่มนมอัลมอนด์ได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากนมวัวที่ยังคงเป็นที่ 1 ขณะที่นมถั่วเหลืองลดลงมาอยู่อันดับ 3 และเรามองเห็นว่าผู้บริโภคในประเทศไทยได้มีความตื่นตัวในเรื่องสุขภาพมากขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศในแทบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้”
ด้านนายวิทวัส พลไพศาล รองประธานกรรมการ เครือเฮอริเทจ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการนำเข้านมอัลมอนด์มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงทำให้บริษัทได้ลงทุนโรงงานแห่งใหม่บนเนื้อที่ 20 ไร่ จังหวัดสมุทรสาครมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อผลิตสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะการผลิตนมอัลมอนด์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกสินค้าไปยังภูมิภาคอาเซียน และการทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งการตั้งโรงงานผลิตดังกล่าวทำให้ราคาสินค้าถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศประมาณ 30%
[caption id="attachment_171228" align="aligncenter" width="503"]
OLYMPUS DIGITAL CAMERA[/caption]
ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังว่าการเปิดตัวทำตลาดนมอัลมอนด์ ภายใต้แบรนด์บลูไดมอนด์ บรีซ จะทำรายได้ในปีนี้กว่า 100 ล้านบาท และเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกหลายร้อยล้านบาทในปีต่อๆ ไป เนื่องจากเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนไทยในยุคปัจจุบัน รวมถึงการทำตลาดของบริษัท ที่จะเน้นการให้ความรู้ถึงคุณประโยชน์ของนมอัลมอนด์ การแจกสินค้าตัวอย่างตลอดทั้งปี และการทำตลาดผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันสินค้ามีจำหน่ายทั้งช่องทางโมเดิร์นเทรด และกลุ่มโฮเรก้า ปัจจุบันมี 4 รสชาติ ขนาด 180 มิลลิลิตร และ 96 มิลลิลิตร โดยในช่วงปลายปีจะเปิดตัวราชสติใหม่อีก 2 รสชาติ ได้แก่ กรีนที ลาเต้หรือคาปูชิโน่
นายวิทวัส กล่าวอีกว่า จากการวางจำหน่ายสินค้าเพียง 1 เดือนถือว่าสินค้าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ทำให้มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มขึ้นอีก 1 ไลน์ บนพื้นที่โรงงานแห่งใหม่ดังกล่าว ซึ่งไลน์การผลิตเครื่องดื่ม 1 ไลน์จะใช้เงินลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังว่าสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มจะเป็นหนึ่งในสินค้าที่ช่วยผลักดันแผนธุรกิจ 2-3 ปีนับจากนี้ ให้กลุ่มบริษัทมียอดขายรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งในอนาคตแบรนด์บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ ยังเตรียมผลิตและทำตลาดสูตรบาริสต้าสำหรับกลุ่มร้านกาแฟโดยเฉพาะด้วย