ส่งออกซึม  "ข้าวจีทูจีจีน" เจ๊ง! 300 ล้าน

18 มิ.ย. 2560 | 10:17 น.
ผู้ส่งออกเจอ 2 เด้ง ราคาข้าวพุ่งแรงสุดช่วง 3 ปี-บาทแข็งค่า ส่งข้าวจีทูจีจีนงวดที่ 4 ขาดทุนอ่วมกว่า 300 ล้าน “เจริญ” นายกส่งออกข้าวระบุมีได้-มีเสีย ยันสมาชิกต้องร่วมกันรับผิดชอบส่งมอบให้ครบ ด้านโรงสี-ชาวนาชี้ข้าวขาขึ้นได้อานิสงส์ถ้วนหน้า

วันที่ 18 มิ.ย.60--จากราคาข้าวไทยในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 350-360 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน (ข้าวขาว 5%) ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดขยับสู่ระดับ 440 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน สูงสุดในรอบ 3 ปี จากผลพวงสต๊อกข้าวไทยที่เคยเป็นตัวกดราคาได้ถูกระบายไปเกือบหมด ขณะที่ความต้องการของประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้นนั้น

นายเจริญ  เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แม้ราคาข้าวในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงประเทศผู้ส่งออกข้าวทั้งไทย เวียดนาม อินเดียจะได้รับอานิสงส์ แต่อีกด้านหนึ่งจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)กับรัฐบาลจีนในปี 2558 ปริมาณ 1 ล้านตัน ซึ่งได้มอบหมายให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเป็นผู้ส่งมอบข้าว โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการส่งมอบข้าวงวดที่ 4 อีก 1 แสนตัน (คงเหลืออีก 6 แสนตัน)

ส่งออกซึม  "ข้าวจีทูจีจีน" เจ๊ง! 300 ล้าน

ทั้งนี้ทางสมาคมได้จัดสรรข้าวล็อตดังกล่าวให้สมาชิกกว่า 200 ราย ในการส่งมอบให้รัฐบาลจีนโดยแบ่งโควตายึดตามเกณฑ์ประวัติการส่งออกไปทั่วโลก 3 ปีย้อนหลัง ใครส่งออกมากก็จะได้โควตามากตามสัดส่วน ขณะที่ผู้ที่ไม่เคยส่งออกจะได้รับโควตา 50 ตัน อย่างไรก็ดีการส่งมอบข้าวให้จีนในล็อตที่ 4 ปริมาณ 1 แสนตัน ได้ตกลงราคาไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ 385 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน แต่ปัจจุบันราคาได้ขยับขึ้นเป็น  440 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน หากโควตาราคาใหม่รวมค่าบริหารจัดการต่างๆ แล้ว เวลานี้ราคาต้องอยู่ที่ 475 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน

“หากคำนวณจากราคาขายที่ตกลงกันไว้กับราคา ณ ปัจจุบันผู้ส่งออกจะขาดทุนประมาณ 90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ปริมาณ 1 แสนตันก็จะขาดทุนหลายร้อยล้านบาท (ราว 305 ล้านบาทคำนวณที่อัตราแลกเปลี่ยน 33.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ) รวมถึงเวลานี้เงินบาทแข็งค่ามากจากช่วงที่ตกลงราคากันไว้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่วันนี้อยู่ที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ (แข็งค่ามากสุดในรอบ 2 ปี) ซึ่งหากได้รับเงินรายได้รูปเงินบาทก็จะหายไป 2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นกรณีข้าวจีทูจีจึงได้รับผลกระทบ 2 ต่อทั้งราคาข้าวที่ขยับขึ้น และเงินบาทที่แข็งค่าทำให้ขาดทุน”

ส่งออกซึม  "ข้าวจีทูจีจีน" เจ๊ง! 300 ล้าน


อย่างไรก็ดีการค้าย่อมมีได้-มีเสีย เรื่องนี้ทางสมาคมพยายามดูแลให้สมาชิกทำการส่งมอบข้าวจีทูจีงวดที่ 4 ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายในเดือนมิถุนายน แต่ในข้อเท็จจริงอาจล่าช้าบ้าง เพราะยังมีปัญหาเรื่องเรือมารับสินค้าล่าช้า และขาดแคลนตู้สินค้าในการส่งมอบ

ขณะเดียวกันในปีที่ผ่านมา ยังมีข้าวจีทูจีกับฟิลิปปินส์ปริมาณ 9 แสนตัน ระดับราคาขายกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้ส่งมอบเป็นล็อตๆ ในระดับราคาที่แตกต่างกันตามภาวะตลาดแต่ละช่วง แต่เฉลี่ยระดับราคาอยู่ที่กว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ซึ่งล็อตสุดท้ายได้ส่งมอบแล้วเสร็จเมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดทางฟิลิปปินส์เพิ่งชำระเงินให้กับกรมการค้าต่างประเทศที่เป็นผู้ขายข้าวจีทูจี (ให้เอกชนเป็นคนส่งมอบ) จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้ผู้ส่งออกที่ส่งมอบข้าวให้ฟิลิปปินส์ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นกัน เพราะกรมจ่ายเงินให้ผู้ส่งออกเป็นเงินบาท

ส่งออกซึม  "ข้าวจีทูจีจีน" เจ๊ง! 300 ล้าน

ด้านนายเกรียงศักดิ์  ตาปนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นในเวลานี้ผู้ประกอบการโรงสีได้รับอานิสงส์ เพราะเป็นแรงจูงใจการขายข้าวในสต๊อกที่มีอยู่ออกไป ซึ่งจะทำให้มีสภาพคล่องและกำลังซื้อข้าวจากชาวนาในช่วงจากนี้ไปเพิ่มขึ้น

ขณะที่นายสุเทพ  คงมาก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรไทย กล่าวว่า ราคาข้าวในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น มีผลให้โรงสีซื้อข้าวจากชาวนาในราคาที่สูงขึ้น โดยเวลานี้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้นไม่เกิน 15% ราคากว่า 8,500-9,000 บาทต่อตัน ส่วนความชื้น 25-30% เฉลี่ยที่ 7,400-7,500 บาท/ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ 6,800-7,700 บาท/ตัน ถือว่าชาวนาได้ประโยชน์