ชี้คนร้ายวางบึ้มปัตตานี จ่อหนีไปยะลา-ชายเเดนเเล้ว

12 พ.ค. 2560 | 05:57 น.
วันที่ 12 พ.ค.60--ผู้สื่อข่าวรายงานจากห้องประชุมอ.เมือง จ.ปัตตานีว่า นายวีรนันนท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าฯปัตตานี พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี แถลงข่าวความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุคาร์บอมบ์ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อ.เมือง จ.ปัตตานีเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2560 ว่า หลังจากที่พบศพนายนุสน ขจรคำ เจ้าของรถกระบะที่คนร้ายปล้นเเละฆ่านายนุสนเพื่อนำรถกระบะมาทำคาร์บอมบ์นั้น โดยเมื่อวันที่11พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังปิดล้อมตรวจค้นและจับกุม ผู้สั่งการก่อนที่จะนำรถไปวางระเบิด คือ นายสุอัยมี สมาแอ ได้ที่ต.เกาะเปาะ อ.หนองจิก จ ปัตตานี เเละนำตัวไปสอบสวนที่ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี

 
"นายสุอัยมีสารภาพว่าอยู่ในกลุ่มที่ก่อเหตุโดยมีผู้เกี่ยวข้องอีก 8 คน โดยทั้งหมดมีหมายจับอยู่ และเคยก่อเหตุมาหลายคดีในพื้นที่ จ.ปัตตานีและยะลา ซึ่งคนร้ายกลุ่มนี้ได้หลบหนีไปที่จ.ยะลาและชายแดนประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานกำลังเข้าจับกุม ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุนั้นเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความแตกแยก

 
กรณีเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 7 คน เป็นผู้นำศาสนาและผู้นำท้องถิ่น รวม 2 คนให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ ส่วนอีก 5 คน กำลังสอบสวน แต่กลุ่มนี้อาจเป็นเพียงมีส่วนรู้เห็นเท่านั้น"

 
ด้าน พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี เปิดเผยว่า ตามที่ได้ควบคุมตัวนายกอบต.เกาะเปาะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานีนั้น เนื่องจากเป็นคนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ แต่ยังให้การไม่น่าเชื่อถือ ขณะนี้ยืนยันจับกุมแล้ว 2 คน และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอีก 5 คน เเละ จากการสอบปากคำขณะนี้ มีความเกี่ยวข้องชัดเจนในเรื่องการปล้นและฆ่าเจ้าของรถกระบะ แต่การประกอบระเบิดคาร์บอมบ์ยังสอบไม่ถึง กลุ่มที่จับกุมได้น่าจะเป็นระดับสั่งการ ส่วนนายก อบต.เกาะเปาะจะเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ยังไม่มั่นใจ ขอเวลาในการติดตามจับกุมพวกนี้ เพราะเรารู้กลุ่มพวกนี้แล้ว โดยทั้งหมดเป็นคนร้ายที่อยู่ในเหตุการณ์เเละรับสารภาพแล้ว คดีนี้ไม่สลับซับซ้อน และคนร้ายให้ความร่วมมือดี จึงได้พบศพเจ้าของรถกระบะคันดังกล่าว อย่างไรก็ตามได้ขยายผลเพื่อที่จะสามารถเจาะถึงกลุ่มเหล่านี้ต่อไป

 

พ.อ. ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงความคืบหน้ากรณีการติดตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุรุนแรงดังนี้ 1. เมื่อวันที่ 6 – 7 เม.ย. คดีระเบิดเสาไฟฟ้าในหลายจุด จ.ปัตตานี มีการออก3หมายจับเเล้วและควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน คือ นายมัฮหมูด หาแว และ นายอัสรีย์ โต๊ะเย๊ะ จากการรวบรวมพยานหลักฐานและข้อมูลทางการข่าว เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 แถลงข่าวการขยายผลการซักถามของสภ.ยะรัง จ.ปัตตานี เเละไปสู่การบูรณาการร่วมกันเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นสถานศึกษาแห่งหนึ่งในอ.ยะรัง จ.ปัตตานี และสามารถควบคุมตัวนายอาหามะ สะอุ ได้

 
พ.อ. ยุทธนามกล่าวว่า จากการรวบรวมด้านการข่าวทราบว่า มีการใช้สถานศึกษาบางแห่งซ่องสุมกำลังและวางแผนในการก่อเหตุ พร้อมให้การยอมรับว่า เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดเสาไฟฟ้า และให้ข้อมูลเบื้องต้นสำคัญอื่นๆ ดังนี้ การก่อเหตุระเบิดครั้งนี้ ใช้ผู้ก่อเหตุ 2 คน ต่อระเบิด 1 ลูก โดยเหตุก่อกวนเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2560 ผู้ก่อเหตุเป็นทีมปฏิบัติการ โดย 1 ทีม ต่อ ระเบิด 3 ลูก ผู้ก่อเหตุชุดปฏิบัติการจะอาศัยอำพรางแฝงตัวหลบซ่อนปะปนในหมู่บ้าน สถานศึกษา สถานที่ทางศาสนาหลายแห่งในพื้นที่โดยข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากผลการซักถาม นำไปสู่กระบวนการบังคับใช้กฎหมายและการออกหมายจับผู้กระทำความผิด ตลอดจนการวางมาตรการป้องกันเพิ่มเติมซึ่งขณะนี้ความคืบหน้าของคดีมีมากขึ้นโดยลำดับ

 
พ.อ. ยุทธนามกล่าวว่า 2. จากเหตุระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อ.เมือง จ.ปัตตานีนั้น เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พล.อ.อ.เกษม อยู่สุข หัวหน้าสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้แทนพระองค์ นำดอกไม้และสิ่งของพระราชทานรวมถึงพระราชทานความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด ณ โรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ และในวันเดียวกัน สำนักจุฬาราชมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอประณามกรณีการวางระเบิดดังกล่าว โดยสำนักจุฬาราชมนตรีได้แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บและขอประณามการกระทำอันเหี้ยมโหดและไร้มนุษยธรรม

 
พ.อ. ยุทธนาม กล่าวว่า กรณีดังกล่าวพล.ท. ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนายนุสน ขจรคำ และผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุครั้งนี้เเละได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการการเยียวยาอย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนและให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมและผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิดตลอดจนขยายผลสู่ผู้ปฏิบัติการร่วมในเหตุดังกล่าวต่อไป

 

พ.อ. ยุทธนาม กล่าวว่า การกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเป็นการกระทำที่สร้างความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชนโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่และไม่สนใจความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ของเด็ก สตรี คนชรา รวมถึงประชาชนทุกศาสนิกชน โดยมุ่งหวังก่อเหตุรุนแรง เพื่อผลประโยชน์และวัตถุประสงค์ของกลุ่มตนเพียงอย่างเดียวไม่คำนึงสิ่งใดๆ ทั้งนี้ สันติสุขอย่างแท้จริงต้องเกิดจากพี่น้องประชาชนทุกคนร่วมมือร่วมใจกันออกมาต่อต้านและประณามการใช้ความรุนแรงที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์อันเป็นการกระทำสุดโต่ง โหดเหี้ยม ไร้จิตสำนึก ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันตรวจสอบและสอดส่องสิ่งผิดปกติเพื่อเฝ้าระวังร่วมกันหากพบเห็นบุคคลยานพาหนะหรือสิ่งผิดปกติใดกรุณาแจ้งที่หมายเลข 1341 ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งที่หมายเลข 191