กนย.ไฟเขียวขยายเวลา 4 โครงการยางอุ้มเกษตรกร

25 เม.ย. 2560 | 04:12 น.
ผู้ว่าการยางฯเผยที่ประชุม กนย.อนุมัติขยายเวลา 4 โครงการ เอื้อประโยชน์แก่ชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกร ระบุทิศทางราคายางยังแกว่งตัว

นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาว่า  ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาใน 4 โครงการได้แก่  1.)โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยางพาราภายใต้แนวทางยางพาราทั้งระบบ วงเงินสินเชื่อ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวได้สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา แต่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรบางส่วนยังไม่สามารถคืนเงินให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ทั้งหมด จึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลาออกไปจนถึง 31 มีนาคม 2563 จะได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ได้อย่างถูกต้อง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

2.)โครงการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งมีการช่วยเหลือไปแล้วแบ่งเป็น เจ้าของสวนยาง จำนวน 711,839 ครัวเรือน และ คนกรีดยาง จำนวน 675,790 ครัวเรือน ยังมีเกษตรกรที่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์ยังตกค้างอยู่อีกประมาณ 11,460 ครัวเรือน ที่ประชุมจึงอนุมัติให้มีการขยายระยะเวลาโครงการเวลาออกไปอีก 90 วัน นับถัดจากวันที่ ครม. มีมติเห็นชอบ

3.)โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และ โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ที่ประชุมมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาไปถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 เพื่อให้กระบวนการดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ โครงการทั้งหมดจะถูกนำเข้าในที่ประชุม ครม. เพื่อผ่านความเห็นชอบอีกครั้ง และ 4.)ได้อนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในโครงการนี้เป็นกลุ่มผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้น เนื่องจากอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ

“ท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุมว่า ราคายางพาราในขณะนี้ อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ขอให้ใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์ในการปรับโครงสร้างทางการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องของยางพาราให้เข้ารูปเข้ารอย”

ผู้ว่าการ กยท. กล่าวถึงประเด็นปัจจัยพื้นฐานของยางธรรมชาติในตลาดโลก ปี 2560 พบว่าปัจจุบันปริมาณการใช้ยางของโลกมีอยู่ประมาณ 12.7ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าปริมาณสต๊อกยางในตลาดโลกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 มีอยู่ประมาณ 2.7 ล้านตัน และเมื่อเปรียบเทียบราคายางในขณะนี้กับปีที่แล้วพบว่าสูงขึ้น 100% โดยราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3 ในเดือนมกราคมปีที่แล้ว อยู่ที่กิโลกรัมละ 30-40 บาท แต่ในวันนี้ราคายางอยู่ที่ กิโลกรัมละ 70 กว่าบาท ทั้งนี้ ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางมีความแกว่งตัว ซึ่งมีสาเหตุจากการเก็งกำไรล่วงหน้าทั้งที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงเป็นบวก จึงขอฝากให้ติดตามข้อมูลและสถานการณ์ยางพาราอย่างใกล้ชิด