ในสายตาของใครหลาย ๆ คน สถานบันเทิงยามค่ำคืน หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “ผับ” คือ สถานที่สำหรับผ่อนคลายหลังเลิกงาน พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และอาจถือว่าเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่ง สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคกลางคืน (Night Economy) แต่ว่าเบื้องหลังความบันเทิงที่เห็น กลับมีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่มักถูกมองข้ามไปอยู่มหาศาล
ในแต่ละคืน ผับแต่ละแห่งใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ตั้งแต่ไฟฟ้าที่ใช้กับระบบแสง สี เสียง เครื่องปรับอากาศ หมอกควัน เอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ เครื่องทำความเย็นสำหรับน้ำแข็งและเครื่องดื่ม ตู้แช่ การใช้ทรัพยากรน้ำ จากทั้งน้ำในห้องครัวสำหรับการประกอบอาหาร และเครื่องดื่ม รวมไปถึงห้องน้ำ การจัดการขยะจากขวดแก้ว พลาสติก หลอด และ เศษอาหาร ไปจนถึงมลภาวะทางเสียงที่ส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยโดยรอบ
นอกจากนี้ การเดินทางไปผับของนักเที่ยว ก็ยังมีผลกระทบทางอ้อมอีกด้วย เช่น การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่สร้างคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดมลภาวะทางอากาศ การจอดรถขวางทางสาธารณะ เสียงทะเลาะวิวาทในยามค่ำคืน หรืออุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา ทั้งหมดนี้ในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า “ผลกระทบภายนอกด้านลบ” (negative externalities) ที่ผู้ประกอบการไม่ได้แบกรับ แต่ว่าสังคมรอบข้างต้องแบกรับแทน
ในโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น จึงมีคำถามตามมาว่า เราจะเปลี่ยนผับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ให้เป็นผับที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร และที่สำคัญกว่านั้นคือ จะทำอย่างไรให้นักเที่ยวกลางคืน รู้สึกว่าความสนุกกับความยั่งยืน เป็นสิ่งที่สามารถเดินไปด้วยกันได้
แนวคิด “ผับสีเขียว” (Green Pub) หรือ ผับที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly Pub) เริ่มได้รับความสนใจในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่น เมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีบทบาททางเศรษฐกิจและสังคมสูง
ผับสีเขียวไม่จำเป็นต้องมีต้นไม้ตกแต่งอยู่เต็มร้านเสมอไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คือ ผับที่ดำเนินกิจการโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การออกแบบร้าน การเลือกใช้วัตถุดิบต่าง ๆ การจัดการพลังงานและทรัพยากรทุกประเภท การควบคุมเสียง การจัดการขยะ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่
แนวทางการดำเนินการของผับที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้เขียนสามารถแบ่งออกเป็น 4 ด้านหลัก ๆ ได้ดังนี้
1) ด้านการออกแบบเสียงและพื้นที่ ผับควรติดตั้งฉนวนกันเสียงเพื่อลดผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง รวมไปถึงการวางผังร้านเพื่อให้ระบายอากาศธรรมชาติ ลดการใช้แอร์ และการจัดการจราจรหน้าร้าน ลดความแออัดทางเท้า
2) ด้านการใช้พลังงานและทรัพยากร ควรใช้ไฟ LED และเครื่องปรับอากาศแบบประหยัดพลังงาน ควรติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดการใช้ไฟจากระบบหลัก และใช้ระบบควบคุมแสงและเสียงอัตโนมัติ ลดการสูญเสียพลังงาน
3) ด้านการจัดการของเสีย ควรมีการแยกขยะรีไซเคิล เศษอาหาร และขวดแก้วอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมการใช้ภาชนะที่ย่อยสลายได้ เช่น แก้วกระดาษ หลอดแป้งมัน หรือร่วมมือกับองค์กรเพื่อบริจาคอาหารส่วนเกินให้ผู้ขาดแคลน
4) ด้านการเดินทางและมลภาวะทางอ้อม ควรมีบริการรถ shuttle รับส่งจากสถานีขนส่งมวลชนมายังบริเวณ cluster ของผับ (เช่น ทองหล่อ เอกมัย หรือถนนข้าวสาร) เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้วยังลดความเสี่ยงต่อเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ขณะมึนเมาได้อีกด้วย หรือการมอบส่วนลดสำหรับผู้ใช้ขนส่งสาธารณะ รวมไปถึงการกำหนดค่าจอดรถที่สูงเพื่อให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ขนส่งสาธารณะ และการสื่อสารเรื่องการไม่สนับสนุนการขับขี่ขณะมึนเมา
ผู้เขียนขอยกตัวอย่างผับที่ได้ชื่อว่า เป็น ผับสีเขียว หรือ ผับที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น Native เป็นบาร์ค็อกเทลที่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์จากภูมิภาคโดยรอบ ไม่มีหลอดพลาสติก ใช้ภาชนะจากธรรมชาติ
นอกจากเครื่องดื่มแล้ว ผับแห่งนี้ยังให้ความสำคัญกับแนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืน รวมถึงการสนับสนุนช่างฝีมือท้องถิ่นและระดับภูมิภาค ผ่านของใช้ต่าง ๆ กลิ่นหอม ดนตรี และ องค์ประกอบอื่น ๆ ภายในร้าน Green Dragon Pub แห่งเมือง Hobbiton ประเทศนิวซีแลนด์ ก็เป็นอีกแห่งหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่า เป็นผับที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน
มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และใช้ระบบย่อยชีวภาพไฮเทคในการผลิตพลังงานทั้งหมด มีการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น โดยใช้วัตถุดิบที่มาจากชุมชนโดยตรง แถมยังมีระบบจัดการเศษอาหารด้วยการทำปุ๋ยหมักที่มีประสิทธิภาพมาก เรียกได้ว่า เป็นการดื่มอย่างรับผิดชอบอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน จะมีบางผับที่เริ่มขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนแล้ว แต่ก็ยังมีอุปสรรคที่พบอยู่หลายด้าน เช่น ต้นทุนการประกอบการที่สูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนของการติดตั้งระบบพลังงานสะอาด หรือวัสดุรักษ์โลกมักมีราคาสูง นักเที่ยว หรือ ลูกค้าไม่เข้าใจหรือไม่สนใจ
นักเที่ยวหลายคนยังมองว่า ผับคือที่พักผ่อน ไม่อยากรู้สึกลำบาก การขาดแรงจูงใจจากภาครัฐ เนื่องจากไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือ มาตรการส่งเสริมชัดเจน หรือการขาดมาตรฐาน หรือ ใบรับรองกลาง เพราะว่าไม่มีองค์กรกลางที่รับรองว่าเป็น “ผับสีเขียวจริง” จึงขาดความน่าเชื่อถือ ซึ่งในส่วนของทัศนคติของลูกค้านับเป็นความท้าทายที่มองไม่เห็น
ผู้บริโภคส่วนหนึ่งยังรู้สึกว่า “มาเที่ยวผับทั้งที จะให้ไม่มีหลอด ไม่มีแก้วพลาสติก ไม่มีน้ำแข็งเยอะ เพลงก็เปิดไม่ดัง สนุกตรงไหน” ซึ่งความคิดนี้สะท้อนถึงทัศนคติแบบเดิมที่ผูกความสนุกไว้กับความฟุ่มเฟือย และการใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น
ผับสีเขียวจึงมักถูกมองว่า “ไม่สุด” ทั้งที่ในความเป็นจริง การออกแบบบรรยากาศให้สนุกโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากเกินไป ก็สามารถทำได้ และเป็นความสนุกแบบใหม่ที่ใส่ใจโลกมากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยแนวทางการสร้างแรงจูงใจจากการบังคับสู่การมีส่วนร่วมโดยสมัครใจ โดยอาศัยเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม เช่น การใช้ “Soft Nudges” เช่น การใช้ป้ายข้อความสั้น ๆ ชวนคิดติดที่ผับ เช่น การประหยัดน้ำในห้องน้ำ หรือการให้ทางเลือกแทนการบังคับ เช่น ถ้าไม่ขอหลอด รับส่วนลด 5 บาท เป็นต้น
การออกแบบสิ่งต่าง ๆ ให้รักษ์โลก ดูเท่ ทันสมัย ดีไซน์ภาชนะ reusable ให้สวย เท่ สามารถถ่ายรูปแล้วแชร์ได้ การสร้างค่านิยมใหม่ เช่น การเที่ยวผับแบบ conscious เป็น lifestyle ของคนรุ่นใหม่ที่สนุกและฉลาด เป็นต้น
สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อผลักดันให้เกิดผับสีเขียวนั้น จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของภาครัฐ เช่น การลดหย่อนภาษี ให้กับผับที่ได้มาตรฐานผับสีเขียว การให้เงินอุดหนุนในการลงทุนเปลี่ยนระบบพลังงานหรือวัสดุ การสร้าง Green Pub Label หรือ ใบรับรองระดับประเทศ การสนับสนุนงานวิจัย เรื่อง เศรษฐกิจสีเขียวในเศรษฐกิจภาคกลางคืน
รวมไปถึงการจัดเขต Green Entertainment Zone เช่น ย่านทองหล่อ เอกมัย ที่เป็น cluster ของผับ ควรจัดผังเมืองให้ผับในพื้นที่มีมาตรฐานสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ทั้งเรื่องการใช้เสียง การจัดการขยะ และการเดินทางสาธารณะ เป็นต้น
กล่าวโดยสรุป แนวคิดที่ว่า ความสนุกต้องแลกกับความสิ้นเปลืองด้านสิ่งแวดล้อม และความเดือดร้อนของชุมชมเริ่มกลายเป็นสิ่งที่สังคมสนใจมากขึ้น ผับที่มีวิสัยทัศน์ในยุคใหม่ต้องเข้าใจว่า ความยั่งยืนไม่ใช่อุปสรรคของการประกอบธุรกิจ แต่กลับกลายเป็นจุดขายที่เพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์ สร้างลูกค้าที่ภักดี และเป็นที่ยอมรับในระยะยาว
ดังนั้น ผับสีเขียวจึงไม่ใช่แค่ความฝันของนักอนุรักษ์ แต่คือ ก้าวสำคัญของธุรกิจบันเทิง ที่อยากอยู่ได้ในโลกที่เปลี่ยนแปลง สามารถเป็นต้นแบบที่ดีให้กับประเทศอื่น ๆ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อีกด้วย
ภาพของผับในอนาคตจึงไม่ใช่แค่พื้นที่สร้างความสนุกสนาน และผ่อนคลายเท่านั้น แต่คือ พื้นที่ที่รับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม และเมื่อความยั่งยืนกลายเป็นส่วนหนึ่งของความสนุก เมืองของเราก็จะน่าอยู่ขึ้นอีกมาก
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4098 หน้า 5 ระหว่างวันที่ 22-24 พฤษภาคม 2568