ล่าสุดกลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียมก็เช่นกัน กำลังเกิดความปั่นป่วนขึ้นในวงจรการผลิต เผชิญปัญหาอะไรบ้างและจะต้องรับมืออย่างไร
นายธีรพันธุ์ พิมพ์ทอง ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมอลูมิเนียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ไว้อย่างน่าสนใจ
นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มอลูมิเนียมเผชิญปัญหาหลักคือการรั่วไหลเศษอลูมิเนียมออกนอกประเทศจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับการกำหนดภาษีส่งออกเพื่อชะลอการส่งออกเศษอลูมิเนียมเพื่อนำมาใช้ภายในประเทศตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน และเพื่อเตรียมรองรับมาตรการ Extended Producer Responsibility (EPR) หรือ หลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ที่มีความเป็นไปได้ในการบังคับใช้ในปี 2570 เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนบรรจุภัณฑ์ภายในประเทศ
“ปัจจุบันเริ่มมีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบอย่างมาก เนื่องจากมีการไหลออกเศษอลูมิเนียมร่วม 5 แสนตัน ในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ไปยังประเทศจีนมากกว่า 70% ของปริมาณส่งออกทั้งหมด”
นายธีรพันธุ์ กล่าวอีกว่าเศษอลูมิเนียมถือเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอลูมิเนียมแผ่นและแบบเส้น ในอนาคตคาดว่าน่าจะใช้เศษอลูมิเนียม 70-80 % ส่วนอีก 20-30% คืออินกอล์ต (Virgin Aluminum) เป็นส่วนผสมสำคัญในระบบการผลิต
จากข้อมูลจะพบว่าปริมาณส่งออกเศษอลูมิเนียมไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้นกว่า 100% ในทุกปี ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา และเพิ่มกว่า 50%ในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนปริมาณที่ส่งออกไปเกาหลีใต้ค่อนข้างคงที่ประมาณ 23% ในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยปริมาณ 113,175 ตัน ตามด้วยอินโดนีเซีย และอื่น ๆ
จากปริมาณเศษอลูมิเนียมที่มีการเร่งส่งออกอย่างมหาศาล ทำให้เกิดการขาดแคลนเศษอลูมิเนียมภายในประเทศ โรงงานต้องนำเข้าเศษอลูมิเนียมจากสหรัฐ กัมพูชา อังกฤษและอื่น ๆ เข้ามาทดแทนเกือบ 8 แสนตัน แต่ด้วยสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยังคงยืดเยื้อจะส่งผลต่อสถานการณ์ให้ลำบากมากยิ่งขึ้นและมีผลต่อราคาเศษอลูมิเนียมโดยตรง
นายธีรพันธุ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า จากปริมาณการส่งออกเศษอลูมิเนียมที่ส่งไปยังประเทศจีนที่คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของภาพรวม และเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างมีนัย ถ้ายังไม่มีมาตรการปกป้องอย่างเหมาะสม นั่นหมายถึง ผู้ส่งออกจำนวนมากเหล่านี้ใช้ไทยเป็นแหล่งคัดแยกเศษแบบ Fastrack ไม่มีโรงงานหรือกระบวนการคัดแยกที่เหมาะสม ซึ่งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศไทยเรา
“สังเกตว่าปริมาณการส่งออกเศษอลูมิเนียมไปประเทศจีน สูงขึ้นอย่างผิดปกติเนื่องจาก ประเทศอื่น ๆ รอบบ้านเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้โดยมีกำหนดภาษีส่งออกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ซึ่งมีการกำหนดภาษีส่งออกเศษอลูมิเนียมถึง 22% มาเลเซีย 10% เป็นต้น”
สำหรับประเทศไทยไม่มีการกำหนดภาษีส่งออก และยังคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ให้กับผู้ส่งออก ทำให้ผู้ส่งออกเศษอลูมิเนียมไปยังประเทศจีนใช้ไทยเป็นประเทศหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการคัดแยกก่อนส่งออกเศษอลูมิเนียมไปยังจีน และยังสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมทิ้งไว้เนื่องจากไทยไม่มีมาตรการป้องกันที่ดีพอ
อย่างไรก็ดี มาตรการที่ทางกลุ่มฯได้นำเสนอไปยังคณะทำงานกำหนดมาตรการกำกับควบคุมการนำเข้าเศษโลหะและหลักเกณฑ์การพิจารณาระดับสิ่งปะปนและลักษณะของเศษโลหะที่อนุญาตให้นำเข้าโดยเห็นว่ายังมีข้อจำกัดในการตรวจสอบในปริมาณการนำเข้าปริมาณมาก และการตรวจสอบมีค่าใช้จ่ายสูงและอาจกระทบกับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเป็นวงกว้าง นอกจากที่ประเทศไทยยังคงจำเป็นต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมส่งออกที่มีความจำเป็นต้องใช้เศษโลหะในกระบวนการผลิตภายในประเทศเป็นหลัก
ดังนั้นการเปิดให้มีการลงทะเบียนผู้นำเข้า โดยให้มีระบุวัตถุประสงค์ การนำเข้าที่ชัดเจนและมีแหล่งกระบวนการผลิตรวมถึงกระบวนการคัดแยกที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานภายในประเทศ และทางคณะกรรมการสามารถดำเนินการตรวจสอบ ณ สถานประกอบการจริง เมื่อมีการร้องขอ ซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยป้องกันผู้ที่นำเข้าเพื่อมาคัดแยกโดยไม่ได้มาตรฐานแล้วส่งเศษอลูมิเนียมส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนตามข้อมูลข้างต้น ซึ่งมาตรการนี้สามารถดำเนินการได้ทันที
ทั้งนี้ เสนอให้โรงงานใหม่ที่ต้องการผลิต นำเข้า หรือคัดแยกเศษโลหะ ต้องแสดงแผนการจัดการเศษโลหะครบวงจร ทำรายงาน EIA และรายงานต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงไม่ควรตั้งในเขตฟรีโซนที่ตรวจสอบยาก ควบคู่กับการกำหนดโควตาการส่งออกเศษ เช่น 70/30 เพื่อรักษาวัตถุดิบไว้ใช้ภายในประเทศ
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ยกเลิกสิทธิคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับผู้ส่งออกเศษโลหะ เพื่อป้องกันการรั่วไหลออกนอกประเทศ และรักษาความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยที่ยังจำเป็นต้องพึ่งพาเศษโลหะเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเพื่อการส่งออก
สำหรับอลูมิเนียมในโลกได้มีการนำมารีไซเคิลร่วม 170 ปีแล้ว นั่นหมายถึงอลูมิเนียมที่ถูกนำมาจากแหล่งธรรมชาติกว่า 75 % ยังถูกหมุนวนนับครั้งไม่ถ้วน เนื่องจากคุณสมบัติของอลูมิเนียมนั้นยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง จึงทำให้อลูมิเนียมถูกนำวนกลับมาใช้ต่อเนื่องอย่างไม่สิ้นสุด ประกอบกับลดปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมทั้งการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 95% ทำให้เศษอลูมิเนียมจึงเป็นที่ต้องการในตลาดโลกมากขึ้น
ตามรายงานของ IAI พบว่าในแต่ละปีมีเศษอลูมิเนียมมากกว่า 30 ล้านตันที่ถูกนำกลับมารีไซเคิลทั่วโลก ซึ่งทำให้เศษอลูมิเนียมมีสถานะเป็นหนึ่งในวัสดุที่นำกลับมารีไซเคิลมากที่สุดในโลก และความต้องการอลูมิเนียมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจนถึงปี 2050 โดยจะเป็นอลูมิเนียมรีไซเคิลถึง 50-60% ดังนั้นการสร้างระบบหมุนเวียนเศษอลูมิเนียมภายในประเทศเพื่อป้องกันเศษอลูมิเนียมไหลออก จึงเป็นเรื่องหลักที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐในด้านนโยบายเป็นสำคัญและทันท่วงที