(5 สิงหาคม 2567) พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) โดยมีประธานและผู้แทนเครือข่าย ทสม. ระดับจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด ประธานและผู้แทนเครือข่าย ทสม. กรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการและผู้แทนจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด เข้าร่วมรับนนโยบาย ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และผ่านระบบออนไลน์ รวมกว่า 1,000 คน
พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หากจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะภาคประชาชน ซึ่ง “อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน หรือ ทสม.” เป็นอาสาสมัครภาคประชาชนที่มีจิตอาสา เสียสละและมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
นับเป็นกำลังสำคัญของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการลดและแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย ดังนั้น เพื่อให้พี่น้อง ทสม. สามารถดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน จึงต้องมีแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนเครือข่าย ทสม. ดังนี้
พล.ต.อ.พัชรวาท ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ทสม. ทุกคน คือ “หัวใจ” ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป็นพลังสำคัญในดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยส่งต่อความยั่งยืนไปสู่ลูกหลานในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ทสม. มีจำนวน 289,199 คน ทั่วประเทศ เป็นเสมือน “โซ่ข้อกลาง” เชื่อมประสานการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ให้มีความตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของฐานทรัพยากรต่าง ๆ ในพื้นที่ ตลอดจนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและมีวิถีชีวิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยการประชุมฯ วันนี้ นอกจากจะรับมอบนโยบายฯ จากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเตรียมความพร้อมจัดทำแผนยุทธศาสตร์เครือข่าย ทสม. เชิงพื้นที่ 6 กลุ่มจังหวัด
อีกทั้งการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและแนวทางการมีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อเสริมพลังขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมาย Net Zero ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง