environment

ผลผลิตสิ่งทอ 'Fast Fashion' ของเหลือจากสายแฟ สู่ของเสียกระทบสิ่งแวดล้อม

สายแฟตัวมัมฟังก่อน 'Fast Fashion' ตอบโจทย์ความนิยมให้ทันใจ แต่ทำลายธรรมชาติ การผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นใช้ทรัพยากรมาก สร้างมลพิษ และกลายเป็นปัญหาขยะสิ่งทอที่กำจัดยาก

เสื้อผ้าที่เราเอฟกันทุกวันก็ทำร้ายโลกได้ ถ้าผู้บริโภคอัพเดตแฟชั่นไม่เคยพัก ผู้ผลิตรีบวิ่งตาม แห่ผลิตสินค้าราคาถูกจำนวนมหาศาลแบบไม่ต้องคิดสองที จนกลายเป็นอาณาจักรแห่งแฟชั่นที่เร็วอย่าง "Fast Fashion" ตอบโจทย์ความนิยมให้ทันใจ แต่ท้ายที่สุดก็ทำลายธรรมชาติเช่นกัน

 

Fast Fashion คืออะไร?

Fast Fashion หรือ เทรนด์แฟชั่นมาไวไปไว คือการผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นสไตล์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในราคาที่ถูกมาก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การผลิตเสื้อผ้าเพียงตัวเดียวใช้น้ำเทียบเท่ากับปริมาณน้ำที่คนหนึ่งคนดื่มนานกว่าปีสอง ใช้พลังงานสูง

 

ปัจจุบันทางฝั่งสหภาพยุโรปกำลังดำเนินมาตรการเพื่อลดปริมาณขยะสิ่งทอซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ภายในปี 2050

 

การผลิตเสื้อผ้าแบบ Fast Fashion ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน ดังนี้

  • ใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากเกินความจำเป็น เช่น การใช้น้ำจำนวนมากในการผลิตเส้นใย การใช้ที่ดินจำนวนมากในการปลูกฝ้ายและพืชสำหรับผลิตเส้นใย
  • ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำจากกระบวนการย้อมและตกแต่งผลิตภัณฑ์ รวมถึงการปล่อยเส้นใยไมโครพลาสติกจากการซักล้างเสื้อผ้าสังเคราะห์ ซึ่งอาจไปสะสมในห่วงโซ่อาหาร
  • ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณมาก คาดว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นจะรับผิดชอบการปล่อยก๊าซคาร์บอนถึง 10% ของทั่วโลก
  • ก่อให้เกิดปัญหาขยะสิ่งทอในหลุมฝังกลบ เนื่องจากมีอัตราการรีไซเคิลเสื้อผ้าที่ต่ำมาก โดยมีเพียง 1% ของเสื้อผ้าที่ใช้แล้วถูกนำกลับมารีไซเคิลเป็นเสื้อผ้าใหม่

 

 

แนวทางในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ การพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ เช่น การเช่าเสื้อผ้า การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิลได้ง่าย (แฟชั่นแบบวงกลม) การส่งเสริมให้ผู้บริโภคซื้อเสื้อผ้าคุณภาพดีที่ใช้งานได้นาน (แฟชั่นช้า) และการสร้างจิตสำนึกให้ผู้บริโภคหันมาเลือกทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้น

 

การผลิตเสื้อผ้าแบบ Fast Fashion ในประเทศไทยก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในลักษณะคล้ายคลึงกับที่เกิดขึ้นในสหภาพยุโรปเช่นกัน เพราะ Fast Fashion คือเทรนด์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมในทั่วทุกมุมโลกด้วยความสวยงามอย่างฉาบฉวย หาซื้อง่ายและมีราคาที่จับต้องได้

 

จากรายงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอในไทยใช้น้ำเป็นปริมาณมหาศาลถึง 145 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และปล่อยน้ำเสียออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติประมาณ 64 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งมีสารเคมีต่างๆ ปนเปื้อนอยู่

 

ด้านการปล่อยมลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษได้ทำการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากโรงงานสิ่งทอหลายแห่งในจังหวัดที่มีการผลิตสิ่งทอมากๆ เช่น กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นครปฐม พบว่ามีการปล่อยมลพิษทางอากาศหลายประเภท เช่น ฝุ่นละออง ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เกินค่ามาตรฐาน

 

ด้วยปริมาณการผลิตจำนวนมากในระยะเวลาอันรวดเร็วกลายเป็นปัญหาขยะสิ่งทอ ประเทศไทยมีปริมาณขยะเสื้อผ้าประมาณ 300,000 ตันต่อปี แต่มีการรีไซเคิลเพียง 24% เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปฝังกลบหรือเผา

 

อีกทั้งการผลิตสิ่งทอต้องใช้สารเคมีหลายชนิด ทั้งในขั้นตอนการเตรียมเส้นด้าย การย้อมสี การพิมพ์ลาย เป็นต้น ซึ่งหลายสารเคมีก่อให้เกิดมลพิษและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมหากปล่อยทิ้งโดยไม่มีการบำบัด

 

อ้างอิง :