ผู้ส่งออกจี้ลดดอกเบี้ยนโยบาย สอดคล้องเงินเฟ้อต่ำ ช่วยสภาพคล่อง

06 ก.พ. 2567 | 09:23 น.

สรท.เฝ้าระวังสถานการณ์ส่งออกปี 67 ชี้ผันผวนและคาดเดายาก ลุ้นทั้งปีขยายตัวได้ 1-2% ระบุ 6 ปัจจัยเสี่ยงมีผลกระทบ วอนรัฐลดดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่ลดลง พร้อมลดช่องว่างดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝาก เสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการ

รายงานจากสภาผู้สินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยว่า วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 นายชัยชาญ เจริญสุข ประธาน สรท. นายสุภาพ สุวรรณพิมลกุล รองประธานฯ และนายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สรท.ได้ร่วมกันแถลงข่าว ใจความสำคัญระบุว่า สรท. ได้วางเป้าหมายการทำงานปี 2567 เพื่อผลักดันการส่งออกของไทยให้เติบโตร้อยละ 1-2 (ณ ก.พ.2567)

ทั้งนี้มีปัจจัยเฝ้าระวังที่อาจส่งผลกระทบ ได้แก่ 1.การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อย โดยค่าเงินบาทเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และยังคงมีความไม่แน่นอนสูง 2.อัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายประเทศยังคงทรงตัวระดับสูง โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed) ยังคงดอกเบี้ยนโยบายต่อ คาดจะมีการปรับในช่วงเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์ทะเลแดงอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าอุปโภคและบริโภคปรับสูงขึ้น นำไปสู่เงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น

3.ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์(Geopolitics)ที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะวิกฤตในทะเลแดง (Red sea) บริเวณช่องแคบบับ อัล-มันเดบ (Bab el-Mandeb Strait) ซึ่งเป็นเส้นทางการขนส่งสินค้าหลักไปทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลาง ส่งผลให้ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นและใช้ระยะเวลาการขนส่งสินค้านานขึ้น รวมถึงความขัดแย้งอื่น ๆ อาทิ รัสเซีย-ยูเครน ทะเลจีนใต้ ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง

4.ดัชนีภาคการผลิต (PMI) ของสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดเพราะหลายประเทศยังขยายตัวต่ำกว่าระดับ Base Line โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปยังคงต่ำกว่าระดับ Base Line ต่อเนื่องกว่า 8 เดือน และ 5.ความกังวลเรื่องต้นทุนภาคการผลิตที่ยังมีความไม่แน่นอน อาทิ ค่าไฟฟ้า ค่าแรงขั้นต่ำ และค่าระวางเรือเส้นทางยุโรป ตะวันออกกลาง สหรัฐฯ เริ่มปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น

สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในปี 2566 ไทยมีการส่งออกรวมมูลค่า 284,561.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 1.0% (YoY) และในรูปเงินบาทมีมูลค่าเท่ากับ 9,809,008 ล้านบาท หดตัว 1.5% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงมกราคม - ธันวาคม หดตัว 0.6%) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 289,754.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 3.8% และในรูปเงินบาทเท่ากับ 10,111,934 ล้านบาท หดตัว 4.3% ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยในปี 2566 ขาดดุลเท่ากับ 5,192.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 302,926 ล้านบาท

สรท.มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1.พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม(ปัจจุบันอยู่ที่ 2.50% ต่อปี) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง รวมถึงกำกับดูแลเพื่อลดช่องว่าง (Spread) อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเงินกู้และเงินฝาก

2.เร่งสนับสนุนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและกระบวนการผลิตเพื่อรองรับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่จะมีความเข้มข้นมากขึ้นในปีนี้ 3. เร่งรัดการจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในตลาดเป้าหมายที่สำคัญ รวมถึงเร่งการเจรจาการค้าเสรี (FTA) อาทิ ไทย-EFTA และไทย-GCC เพื่อสร้างแต้มต่อและลดอุปสรรคในการเข้าถึงตลาดและแหล่งวัตถุดิบให้ผู้ประกอบการไทย

4.สถานการณ์ปัญหาการโจมตีเรือพาณิชย์ในพื้นที่ทะเลแดง ผู้ประกอบการส่งออกร้องขอให้มีการเรียกเก็บค่าระวางและค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจริง โดยทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได และแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และขอให้สายเดินเรือเจรจากับท่าเรือเพื่อขอขยายระยะเวลา Free Time ในท่าเรือ เป็น 21 วัน (จากปกติ  3-7 วัน) เพื่อลดต้นทุนส่วนที่เกินเวลาที่กำหนดและขยายระยะเวลาการใช้ตู้คอนเทนเนอร์เพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ส่งสินค้า