เมื่ออนาคตไล่ล่า "สวนยางยั่งยืนไทยยังเคว้ง" ต้องเร่งสร้างความชัดเจน

07 ต.ค. 2566 | 09:32 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2566 | 10:09 น.

รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช เขียนบทความเรื่อง ต้นแบบสวนยางยั่งยืน : เมื่ออนาคตไล่ล่าคุณ ชี้สวนยางไทยมาตรฐาน FSC หรือสวนยางยั่งยืนยังเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า จากขาดแรงจูงใจเรื่องราคา และความไม่ชัดเจนในส่วนของผู้ซื้อ

เมื่ออนาคตไล่ล่า "สวนยางยั่งยืนไทยยังเคว้ง" ต้องเร่งสร้างความชัดเจน

บทความโดย : รศ.ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช

ที่ปรึกษาบริษัท อินเทลลิเจนท์ รีเสิร์ช คอนซัลแตนท์ (ไออาร์ซี) จำกัด

สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ได้มอบทุนให้ผมทำวิจัย “โครงการประเมินมูลค่าต้นทุนการผลิตสวนยางพาราตามมาตรฐาน FSC และการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราอย่างยั่งยืนในภาคใต้ของไทยภายใต้แนวคิด BCG”

ประเทศไทยมีการพูดถึง การทำสวนยางตามองค์การพิทักษ์ป่าไม้ หรือ  “FSC (Forest Stewardship Council)” มานานพอสมควร เพราะต่างประเทศผู้รับซื้อยางพารา ที่เป็นสมาชิกของ FSC ที่มีอยู่ 77 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทผลิตภัณฑ์ล้อรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ต้องการให้อุตสาหกรรมยางพาราทั้งระบบ มีมาตรฐานและคำนึงถึงระบบนิเวศน์ รักษ์สิ่งแวดล้อม และชุมชน โดยเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยาง ที่เป็นต้นทางของการผลิตยางพาราที่ต้องรักษาสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชน หรืออาจจะเรียกว่า “สวนยางยั่งยืน”

แม้ว่ามีการพูดถึง FSC ในไทยก็ตาม ส่วนตัวผมยังไม่เห็นผลิตภัณฑ์ยางพาราหลัก ๆ ที่มีโลโก้คำว่า FSC  ที่บ่งบอกว่าเป็นผลผลิตยางพาราจากสวน FSC เหตุผลที่ผมไม่เห็นและสงสัยในประเทศไทย เพราะ 1. ยังไม่มีราคายางพารา FSC ชัดเจน 2.ตลาดรับซื้อยาง FSC มีจริงหรือไม่  3.ผู้ซื้อก็สงสัยว่าประเทศไทยมียาง FSC จริงและได้มาตรฐานจริงหรือ

4.การทำ FSC มีต้นทุนสูงกว่าการทำสวนยางปกติ ทั้งการผลิตและใบรับรอง FSC ซึ่งจะเป็นภาระค่าใช้จ่ายให้กับเกษตรกร 5.รูปแบบห่วงโซ่การผลิตยาง FSC เป็นอย่างไร และ 6.ผู้ซื้อหรือบริษัทในหลายประเทศยังไม่ให้ความสำคัญกับ FSC มาก ทำให้ตลาดต่างประเทศไม่แพร่หลาย  

เมื่ออนาคตไล่ล่า "สวนยางยั่งยืนไทยยังเคว้ง" ต้องเร่งสร้างความชัดเจน [

เมื่อไม่มีราคาที่สูงกว่าการทำ FSC ปกติ ก็ไม่จูงใจให้เกษตรกรทำ FSC เพราะเมื่อทำสวนยาง FSC แม้ว่าห้ามการใช้ยาฆ่าหญ้า และการสารจำกัดวัชพิข ในทางเดียวกันมีค่าใช้จ่ายการตัดหญ้าและวัชพืชเพิ่มขึ้น ราคาที่เกษตรกรที่ทำ FSC “ต้องการอย่างน้อย 6 บาท/กก.” เมื่อราคายังไม่มีจริง ทำให้เกษตรกรบางกลุ่ม บางคน ก็ไม่อยากจะทำ หรือเริ่มต้นที่จะทำ

ที่ผ่านมา กลุ่มเกษตรกรทำ FSC ทำมา 3 ปี แล้ว ก็ยังไม่มีราคา FSC จริง กลายเป็น “3 ปี FSC ขายฝัน” หากสวนยางพาราไทย จะไม่ทำ FSC และ ไม่ทำ EUDR คงจะไม่ได้ เพราะเกณฑ์ทั้งสองกระทบสวนยางและวัตถุดิบยางจากประเทศไทยแน่นอน บริษัทใหญ่ในตลาดต่างประเทศ ให้ความสำคัญกับ “สิ่งแวดล้อมและโลกร้อน”

เมื่ออนาคตไล่ล่า "สวนยางยั่งยืนไทยยังเคว้ง" ต้องเร่งสร้างความชัดเจน

ปัจจุบันสวนยางเกษตรกรที่อยู่ภายใต้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่ได้มาตรฐาน FSC แล้ว มีจำนวน 23,158 ไร่  โดย กยท. ประมาณการว่า สวนยาง FSC ทั้งหมดมี 4 แสนไร่ (รวมของภาคเอกชน) คิดเป็น 1.8% ของพื้นที่ที่กรีดยางได้

ด้วยความไม่ชัดเจนของการทำ FSC แต่ยังมี “กลุ่มเกษตรทำสวนควนเมา อ.รัษฎา จ.ตรัง” ตั้งมา 50 ปี คือ “ต้นแบบของกลุ่มเกษตรกรที่ทำ FSC” ของประเทศไทย ที่นำโดยประธานกลุ่มฯ  นายพรหม พักตร์จันทร์ ที่ยังยืนหยัดกับสมาชิกในกลุ่ม 160 ราย บนพื้นที่ 2,464 ไร่ ผลิตได้ 200 ตัน ใช้ศักยภาพ วิสัยทัศน์ การบริหารจัดการ และการขายที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ที่มีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ว่าจะต้องทำ FSC ต่อไป แม้ว่า ราคา FSC ในตลาดไม่มีก็ตาม โดยซื้อยางจากกลุ่มเกษตรกร สูงกว่าราคายางปกติ 1.5 บาท/กก.

ผมถือว่า กลุ่มเกษตรกรสวนยางควนเมา เป็น กลุ่มเกษตรกรไทยหนึ่งเดียว ที่ทำมาตรฐาน FSC  เป็นสมบูรณ์แบบและมีระบบการบริหารจัดการที่ดีที่สุดในประเทศไทย ประธานพรหม เสนอว่า การที่ประเทศไทยอยากให้ FSC เกิดขึ้นให้ได้นั้น  ต้องทำ คือให้มาตรฐาน FSC เป็นหนึ่งในวาระสำคัญและภารกิจหลักของคณะกรรมการนโยบายยางพาราแห่งชาติ (กนย.)

เมื่ออนาคตไล่ล่า "สวนยางยั่งยืนไทยยังเคว้ง" ต้องเร่งสร้างความชัดเจน

แต่สำหรับผมแล้ว การทำให้ FSC เกิด ผมว่าง่ายนิดเดียวคือ 1.คุยกับบริษัทผลิตล้อรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยางพารารายใหญ่ของโลกที่ต้องการยาง FSC  ให้มาพบเกษตรกรไทย ทำให้เกิดผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกัน และสัญญาว่าจะขายกันปีละกี่ตัน ด้วยราคาสูงกว่าราคาปกติกี่บาท 2.ตลาดรับซื้อต้องตั้งใกล้กับสวนยาง FSC ของกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์ 3.แก้ปัญหา “ไก่กับไข่” บริษัทรับซื้ออ้างว่าผลผลิตมีไม่มากพอ เกษตรกรอ้างว่า ก็ราคาไม่มีจริงจะไปทำ FSC ทำไม  ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่าเป็น “มวยล้มต้มคนดู”