วันนี้ (วันที่ 3 ตุลาคม 2568) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือค่าเหยียบแผ่นดิน (Travel Fee) ขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเก็บหรือไม่เก็บ แต่จะนำเรื่องนี้มาพิจารณาในช่วงเวลา 4 เดือนของรัฐบาลนี้ พร้อมหาทางออกและข้อสรุปให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ในมุมของคนที่อยู่ภาคการท่องเที่ยวเข้าใจดีว่า เงินที่เก็บจากค่าเหยียบแผ่นดินจะมาใช้ในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว และอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวโดยมาตั้งเป็นกองทุนคล้ายๆ กองทุนการกีฬา
ขณะเดียวกันหากมีการจัดเก็บ จะต้องมีการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้กับนักท่องเที่ยวออกไปก่อน ว่ารัฐบาลจัดเก็บเพื่ออะไร มีมาตรการดูแลอะไรเป็นพิเศษจากการจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีนโยบายที่จะการจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงบประมาณของรัฐจากเดิมที่ต้องมีการให้ความช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยว กรณีที่ประสบเหตุด้านความปลอดภัย และวงเงินที่จัดเก็บยังเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการประกันภัยนักท่องเที่ยว
อีกทั้งยังสามารถนำไปค่าเหยียบแผ่นดิน ไปเป็นค่าใช้จ่ายบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศได้ด้วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวในหลาย ๆ ประเทศก็มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในลักษณะนี้เช่นกัน
สำหรับอัตราการเดินทางทางอากาศจะจัดเก็บอยู่ที่ 300 บาทต่อคนต่อครั้ง แต่อัตราค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวฯ การเดินทางทางบกและทางน้ำ จะจัดเก็บในอัตราเท่ากันที่ 300 บาท (จากเดิม 150 บาทต่อคนต่อครั้ง) แต่สามารถเดินทางเข้าไทยได้หลายครั้ง (Multiple Entry) ต่อระยะ 30-60 วัน
อย่างไรก็ดีในแนวทางดังกล่าวยังต้องรอสรุปอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมไปถึงการประกันภัยด้วย