AOT ไตรมาส 3 กำไรหดเหลือ 3.8 พันล้านบาท จากผู้โดยสารลด ส่วนแบ่งรายได้ดิวตี้ฟรีหด

14 ส.ค. 2568 | 11:09 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ส.ค. 2568 | 11:16 น.

AOT ไตรมาส 3 กำไรหดเหลือ 3.86 พันล้านบาท ลดลง 15% บาท ผลกระทบจากรายได้ผู้โดยสารลดลง ฉุดค่าบริการสนามบินฮวบ รวมถึงส่วนแบ่งรายผลได้ดิวตี้ฟรีหด ขณะที่รวมผลประกอบการ 9 เดือน ยังกำไร 1.42 หมื่นล้านบาท

วันนี้ (วันที่ 14 สิงหาคม 2568) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท. รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ปีงบประมาณ (เมษายน-มิถุนายน) และงวด 9 เดือนแรก ปีงบประมาณ (ตุลาคม 2567 – มิถุนายน 2568) โดยผลประกอบการไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,864.80 ล้านบาท ลดลง 15.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4,562.72 ล้านบาท สาเหตุจากรายได้จากการขายหรือการให้บริการอยู่ที่ 15,343.31 ล้านบาท ลดลง 1,061.86 ล้านบาท หรือ 6.47 %

จากการลดลงทั้งรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 374.35 ล้านบาท หรือ 4.78 % การลดลงของรายได้ค่าบริการผู้โดยสารขาออก จากการลดลงของจำนวนผู้โดยสาร รวมถึงรายได้ค่าบริการสนามบินลดลง จากการลดลงของจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศรวม และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 687.51ล้านบาท หรือ 8.02 % เนื่องจากการลดลงของรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ จากธุรกิจร้านค้าปลอดอากร รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 459.90 ล้านบาท หรือ 161.27 %

ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 10,735.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 519.97 ล้านบาท หรือ 5.09 % ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน ค่าซ่อมแซมแลซ่อมแซมและบำรุงรักษา และค่าเสื่อมราคาและ ค่าตัดจำหน่าย ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 626.32 ล้านบาท ลดลง 56.03 ล้านบาท หรือ  8.21 % ค่าใช้จ่ายภาษีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 344.06 ล้านบาท หรือ 29.29 % สอดคล้องกับผลดำเนินงานที่ลดลง

AOT ไตรมาส 3 กำไรหดเหลือ 3.8 พันล้านบาท จากผู้โดยสารลด ส่วนแบ่งรายได้ดิวตี้ฟรีหด

ด้านผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14,262.37 ล้านบาท ลดลง 4.35% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14,910.35 ล้านบาท สาเหตุจากได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น 566.15 ล้านบาท หรือ 1.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากรายได้เกี่ยวกับกิจการการบินที่ขยายตัว 2,376.90 ล้าบาท หรือ 10.22% ขณะที่รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินลดลง 1,810.75 ล้านบาท หรือ 6.69% รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 993.10 ล้านบาท หรือ 237.58%

ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายรวมปรับเพิ่มขึ้น 2,409.12 ล้านบาท หรือ 8.14% สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ด้านต้นทุนทางการเงินลดลง 195.77 ล้านบาท หรือ 9.39% ส่วนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 14.45 ล้านบาท หรือ 0.38% สอดคล้องกับแนวโน้มผลการดำเนินงานในงวดดังกล่าว

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT) กล่าวถึง ปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ใน 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนมิถุนายน 2568) มีจำนวนเที่ยวบินรวม 602,195 เที่ยวบิน

เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 9.79 % แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 341,523 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 260,672 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวม 97.24 ล้านคน เพิ่มขึ้น  7.87 % แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 59.48 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 37.76 ล้านคน

ล่าสุดจากการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของท่าอากาศยานที่มีการเชื่อมต่อทางอากาศดีที่สุด (Airport Connectivity Ranking) ประจำปี 2567 โดยสภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักเดินทางที่มีต่อท่าอากาศยานของ AOT ทั้งในด้านความปลอดภัย การให้บริการ และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

AOT ไตรมาส 3 กำไรหดเหลือ 3.8 พันล้านบาท จากผู้โดยสารลด ส่วนแบ่งรายได้ดิวตี้ฟรีหด

นอกจากนี้ การเติบโตของจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารยังส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานในภาคการบินของ AOT ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – มิถุนายน 2568) เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากกิจการการบินจำนวน 25,645.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีก่อน เพิ่มขึ้น 2,376.90 ล้านบาท คิดเป็น 10.22 % ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 52,324.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 14,262.37 ล้านบาท

 

  นอกจากนี้ ท่าอากาศยานของ AOT ได้รับความสนใจจากสายการบินในการขยายเครือข่ายเส้นทางการบินอย่างต่อเนื่อง  โดยแผนตารางบินฤดูหนาว (Winter Schedule) ประจำปี 2568 (เดือนตุลาคม 2568 - มีนาคม 2569) ณ ท่าอากาศยานของ AOT มีสายการบินใหม่ 7 สายการบิน เข้ามาให้บริการในประเทศไทย อาทิ  United Airlines, Centrum Air, Air France, Etihad Airways, T’way, Loong Air และ Scoot

นอกจากนี้ยังมีสายการบินที่เพิ่มเส้นทางการบินอีก 11 เส้นทาง ครอบคลุมสนามบินหลักและสนามบินภูมิภาค เช่น สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ให้บริการเส้นทาง ลอสแอนเจลิส - ทสภ. สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ให้บริการเส้นทาง ริยาด - ทดม. สายการบินไทยแอร์เอเชีย ให้บริการเส้นทาง ปูซาน - ทดม. | ดานัง - ทภก. | โคลัมโบ - ทภก. สายการบิน Air France ให้บริการเส้นทาง ปารีส - ทภก. สายการบิน Hainan Airline ให้บริการเส้นทาง ไหโขว่ - ทภก. | ไหโขว่ - ทชม. เป็นต้น

 ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของเครือข่ายเส้นทางการบินดังกล่าว  AOT  ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการและมาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการกระตุ้นตลาดด้านการบิน (Incentive Scheme) ให้แก่สายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางการบินใหม่มายังท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ AOT หรือเส้นทางการบินใหม่ของสายการบิน ซึ่งได้มีการขยายระยะเวลาโครงการจากเดิมออกไปอีก 3 ปี ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2568 โดยให้ส่วนลดด้านการบิน ในอัตรา 50 %  ตลอดระยะเวลาโครงการ

 สำหรับโครงการ Marketing Fund ที่สนับสนุนงบส่งเสริมการตลาดในอัตรา 300 บาทต่อผู้โดยสารหนึ่งคน ซึ่งจะช่วยจูงใจสายการบินให้เปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศมายัง ทหญ.และ ทชร. อันเป็นการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค รวมถึงกิจกรรม “FAM Trip” ที่นำผู้แทนสายการบินและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศมาสัมผัสและเยี่ยมชมการท่องเที่ยวในพื้นที่จริง เป็นการแนะนำศักยภาพของท่าอากาศยานและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและเชียงราย เพื่อวางรากฐานสำหรับการขยายเส้นทางบินเชิงพาณิชย์ในอนาคต ด้วยเหตุนี้ AOT จึงได้เร่งดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน ทั้ง 6 แห่ง ให้สามารถรองรับผู้โดยสาร 240 ล้านคนต่อปีในปี 2575

ขณะเดียวกัน AOT ก็มีแผนหาแหล่งรายได้อื่นเพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่ง และยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue) เช่น การเปิดให้นักลงทุนและผู้ประกอบการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมีโอกาสพัฒนาพื้นที่ศักยภาพรอบสนามบินทั้ง 6 แห่ง เพื่อประกอบธุรกิจ เช่น โรงแรม  โครงการ MRO โครงการ Private Jet Terminal โครงการ Logistics Hub Training Center ศูนย์ซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า โชว์รูมรถยนต์ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโครงการ Attraction in Terminal เป็นต้น

ทั้งยังมีการจัดเก็บค่าบริการระบบไฟฟ้า 400 Hz และระบบปรับอากาศ PC-AIR ที่อาคาร SAT-1 ทสภ. ที่สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของสายการบินที่เข้ามาใช้บริการที่ ทสภ.ที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพด้านแหล่งรายได้ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งบริการดังกล่าวยังช่วยลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดมลพิษทางอากาศและเสียงรบกวนจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขณะที่เครื่องบินเข้าจอด ณ หลุมจอดอากาศยานประจำเครื่องบิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ AOT ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการลดปัญหาที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน อันจะนำไปสู่ประสิทธิภาพด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาวขององค์กรไปจนถึงการเตรียมความพร้อมให้กับ ทสภ.ในการเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคต่อไป

นางสาวปวีณากล่าวว่า จากภาพรวมผลดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ AOT ทั้งในด้านปริมาณเที่ยวบิน ผู้โดยสาร รายได้ และการขยายเครือข่ายเส้นทางบิน  ทั้งนี้ AOT ยังคงเดินหน้าพัฒนาปรับปรุงการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการให้บริการที่ดีแก่ผู้โดยสาร และรองรับการเติบโตของการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่เข้าสู่ประเทศไทยในอนาคต เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคที่พร้อมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินโลก Aviation Hub อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป