นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และ ที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมโฮสเทล ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลกับ “ฐานเศรษฐกิจ” เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณตลาด อ.ต.ก. ได้เริ่มส่งผลกระทบในเชิงจิตวิทยาต่อภาคการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของผู้ประกอบการค้าปลีกและภาคบริการในกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
"นักท่องเที่ยวเริ่มติด แฮชแท็ก "เที่ยวประเทศไทยไม่ปลอดภัย" มันน่ากลัวมาก เพราะคำนี้คำเดียวทำให้ตลาดจีนหายไป 45%"
เหตุการณ์ที่ อ.ต.ก. ถูกแชร์และส่งต่อในสื่อจีน จนกลายเป็นประเด็นไวรัลในโลกออนไลน์ว่า “มาเที่ยวประเทศไทยไม่ปลอดภัย” ทำให้บรรยากาศความมั่นใจของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเพิ่งเริ่มฟื้นตัวกลับมาตามฤดูกาล เริ่มหดหายลงทันที โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่นิยมเดินทางอิสระ (FIT) ซึ่งมีพฤติกรรมไวต่อข่าวความไม่สงบ
ก่อนเกิดเหตุการณ์ ได้เห็นสัญญาณบวกจากนักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาเดินตลาด อ.ต.ก. อีกครั้ง พ่อค้าแม่ค้าขายทุเรียนเริ่มมียอดขายดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดข่าว สื่อจีนบางรายเริ่มเผยแพร่ข้อความเตือนว่า “การเดินทางมาไทยไม่ปลอดภัย” ส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวจีน “หายก่อนเลย” ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งเริ่มฟื้น
เหตุการณ์ดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับกรณียิงกันที่ห้างสยามพารากอนในอดีต ซึ่งแม้จะเป็นเหตุการณ์เฉพาะบุคคล แต่ส่งผลให้ภาพลักษณ์ความปลอดภัยของประเทศไทยเสียหายในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคง เช่น จีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย
“รัฐบาลไทยทำงานประชาสัมพันธ์ช้ามาก แม้แต่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เองก็ควรออกมาชี้แจงสร้างความเข้าใจให้ชัดว่ามันเป็นเหตุเฉพาะบุคคล ไม่ใช่เหตุสะเทือนขวัญที่สะท้อนภาพรวมของประเทศ”
นายสรเทพ เสนอให้รัฐดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยการส่งสารไปยังเอเย่นต์ทัวร์ในประเทศจีน และประเทศที่ใช้ภาษาจีน เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย ว่าสถานการณ์ที่ตลาด อ.ต.ก. เป็นเพียงเหตุเฉพาะจุด และยืนยันว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ อยากเสนอให้รัฐบาลนำผลสำรวจจากหน่วยงานระดับนานาชาติที่จัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว มาใช้ประกอบการสื่อสาร เพื่อสร้างความมั่นใจในระดับภาพลักษณ์ระหว่างประเทศ
ฃหากไม่สามารถสกัดข่าวลบได้ทันในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ อาจส่งผลต่อ “ไฮซีซั่น” หรือฤดูท่องเที่ยวปลายปี ซึ่งเป็นช่วงเก็บรายได้สำคัญของภาคบริการและโรงแรม โดยใช้คำว่า “ถ้าปล่อยให้ลามถึงปลายปี ไฮซีซั่นนี้จะเป็นนรก”
สำหรับปี 2568 นี้ ภาครัฐตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ราว 32-34 ล้านคน หากเหตุการณ์ไม่สงบหรือข่าวลบแพร่กระจายโดยไม่มีการจัดการที่ดี อาจทำให้ตัวเลขหลุดเป้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นสัดส่วนมากที่สุดในช่วงก่อนโควิด-19