ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

29 พ.ค. 2568 | 19:26 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ค. 2568 | 01:23 น.

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองในญี่ปุ่น จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว Amazing Thailand Roadshow to Japan 2025 ดึงผู้ประกอบการไทยเจรจาร่วมธุรกิจ รุกโหมตลาด ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

ททท.จัดโรดโชว์ 3 เมืองในญี่ปุ่น กระตุ้นเดินทางเที่ยวไทย

ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2568 คนญี่ปุ่นเดินทางมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 12.3 % ขยายตัวดีต่อเนื่อง จากปี 2567 ที่มีการเดินทางเข้าไทยแตะหลักล้านคนเป็นครั้งแรก นับจากวิกฤตโควิด-19

Amazing Thailand Roadshow to Japan 2025

ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเดินหน้าจัดโรดโชว์ 3 เมืองในญี่ปุ่น ภายใต้การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว Amazing Thailand Roadshow to Japan 2025 ระหว่างวันที่ 26–30 พฤษภาคม 2568 เพื่อกระตุ้นโมเมนตั้มการฟื้นตัวตลาด และดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพจากตลาดญี่ปุ่นเข้าไทยเพิ่มขึ้น 

นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวไทย

ก่อนโควิด-19 (ปี 2562) นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางเที่ยวไทยสูงถึง 1.78 ล้านคน สร้างรายได้ 9.37 หมื่นล้านบาท  และเพิ่งจะกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวน 1,050,904 คน เพิ่มขึ้น 30.68% จากปีก่อนหน้า นับเป็นตัวเลขที่แตะ 1 ล้านคนเป็นครั้งแรก หลังจากวิกฤตโควิด-19

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

ขณะที่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 3.74 แสนคน เพิ่มขึ้น 12.32 %  ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตมาจากการฟื้นตัวของเที่ยวบินระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น ทำให้ ททท. คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในปี 2568 จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา

สอดคล้องกับแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวของคนญี่ปุ่น ซึ่งจากข้อมูลขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) รายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางออกนอกประเทศในเดือนก.พ.2568 มีจำนวน 1,181,100 คน เพิ่มขึ้น 20.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้อาจจะยังลดลงอยู่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิดโควิด ซึ่งอยู่ที่ 1,534,792 คนก็ตาม

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

ประกอบกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (Japan Tourism Agency) โดย กระทรวงการต่างประเทศ และสมาคมตัวแทนการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (JATA) ร่วมกันเปิดตัวโครงการ “เที่ยวต่างประเทศได้อีก!” (Motto Kaigai e Sengen!) เพื่อกระตุ้นชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวให้เดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น ตั้งเป้าไว้ที่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด

เริ่มจากเปิดตัวแคมเปญสำหรับผู้ทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ มอบส่วนลด คูปอง หรือคะแนนสะสม เป็นด้วย ด้วยงบประมาณ 200 ล้านเยน หรือสำหรับหนังสือเดินทาง 2.5 หมื่นเล่ม 

ขณะที่รายงานเศรษฐกิจญี่ปุ่น ประจำเดือน มี.ค. 2568 ระบุว่า มีแนวโน้มการพื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป การบริโภคส่วนบุคคลมีแนวโน้มฟื้นตัว การลงทุน และการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัว การผลิตทรงตัว การจ้างงานมีแนวโน้มดีขึ้น

ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ระบุถึงสถิติการไหลเวียนของเงินทุน ว่าการอ่อนค่าของเงินเยน ทำให้มูลค่าสินทรัพย์สกุลเงินต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริโภคของครัวเรือนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้จึงเป็นโอกาสในการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อคนญี่ปุ่นมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น

นางสาวภัทรอนงค์ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า การจัดกิจกรรม Amazing Thailand Roadshow to Japan 2025 ททท.นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยจำนวน 25 ราย เดินทางไปร่วมกิจกรรม Trade Meeting นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวพร้อมแพ็คเกจและโปรโมชั่นท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจแก่ผู้ประกอบการญี่ปุ่นกว่า 60 รายใน 3 เมืองหลัก ได้แก่ กรุงโตเกียว, เมืองนาโงย่า และเมืองฟูกูโอกะ คาดว่าจะมีนัดหมายการเจรจาธุรกิจรวมกว่า 1,000 นัดหมาย

ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นการเดินทางในช่วง Green Season (พฤษภาคม-ตุลาคม) ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของญี่ปุ่น โดยการนำเสนอแพ็คเกจและโปรโมชั่นการท่องเที่ยวไทยที่คุ้มค่า เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในการเดินทางมาท่องเที่ยว รวมถึงมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มระดับพรีเมียมและขยายฐานตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen-Z ที่มีความสนใจในการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์แล้ว ยังมุ่งรักษาฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพที่เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้ว (Revisit) และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วไปจากทั้งเมืองหลักและเมืองรองในพื้นที่ตลาดญี่ปุ่น ให้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในการเดินทางมาท่องเที่ยวอีกด้วย

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

Amazing Thailand Roadshow to Japan 2025 ประกอบด้วย การจัดกิจกรรม Trade Meet เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยและญี่ปุ่น, กิจกรรม Amazing Thailand Product Briefing เพื่ออัปเดตสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทย, กิจกรรม Networking Reception และ Amazing Thailand Quiz เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์เครือข่ายและสร้างการจดจำแบรนด์ “Amazing Thailand” ในตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

โดยเริ่มจากวันที่ 26 พ.ค. 68 ณ โรงแรม Shinagawa Prince Hotel กรุงโตเกียว ต่อด้วยวันที่ 28 พ.ค.68 ณ โรงแรม Courtyard by Marriott เมืองนาโงย่า และวันที่ 30 พ.ค. 68 ณ โรงแรม Oriental Hotel Fukuoka Hakata Station เมืองฟูกูโอกะ

ตั้งเป้านักท่องเที่ยวญี่ปุ่น 1.2 ล้านคน ในปีนี้

“ททท.คาดว่าในปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่นจะมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเที่ยวบินระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น และแคมเปญการตลาดเชิงรุกของ ททท. ที่มุ่งเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยว segment ใหม่ ๆ

อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยว Young Generation, Lady กลุ่ม BL Lovers กลุ่มความสนใจพิเศษ เช่น ด้านกีฬา เกมออนไลน์ กลุ่มคนทำงานผ่านระบบทางไกล โดย ททท. ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น 1.2 ล้านคนสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 55,000 ล้านบาท” 

นายขจรเดช อภิชาติตรากุล ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานโตเกียว กล่าวว่า 
การจัดงานโรดโชว์ในครั้งนี้ ที่โตเกียวได้รับความสนใจจากผู้ประกอบผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้ง 2 ฝ่ายเป็นอย่างมาก โดยการเจรจาธุรกิจแบบ
B2B ที่เกิดขึ้น มีผู้ประกอบการไทย 25 ราย พบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการญี่ปุ่น 28 ราย (เกินเป้า 25 ราย) รูปแบบ 8 นาทีต่อรอบ

ขจรเดช อภิชาติตรากุล

สินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยที่ผู้ประกอบท่องเที่ยวไทยนำเสนอ มีหลากหลาย อาทิ โรงแรม รวมถึงโปรดักซ์ใหม่ๆ จากผู้ประกอบการตลาดท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน เช่น Environment Education Center หรือ EEC นำเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตอบโจทย์ SDGs ที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญ อาทิ ปลูกปะการัง เรียนรู้วิถีชุมชน CBT (Community Based Tourism)

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองในญี่ปุ่น ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

ส่วนความท้าทายในการทำตลาดญี่ปุ่น คือการแข่งขันภายใน เพราะญี่ปุ่นส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ (Domestic Tourism) ด้วยโครงการคล้าย "เที่ยวคนละครึ่ง" รวมถึงเงินเยนอ่อนค่า ทำให้การเดินทางต่างประเทศแพงขึ้นราว 30% และราคาตั๋วเครื่องบินจากญี่ปุ่นไปไทยยังแพงกว่าการซื้อตั๋วจากไทยไปญี่ปุ่น

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

ปรับฐานตลาดจากกลุ่มนักท่องเที่ยวสูงวัย สู่คนรุ่นใหม่

ขณะที่โอกาสทางการเจาะตลาดญี่ปุ่น ททท.จะเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีมากถึง 30 ล้านคนที่ยังไม่เคยมาไทย ขยายฐานตลาดจากส่วนใหญ่ที่คนญี่ปุ่นที่มาเที่ยวไทยจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ โดยโฟกัสการทำตลาดรับเทรนด์ใหม่ เช่น  SDG, การท่องเที่ยวยั่งยืน, บอยเลิฟ 

รวมถึงการใช้เครื่องมือการตลาดหลากหลาย เช่น การ์ตูน อย่างจะร่วมมือกับ TV Asahi ผู้ผลิตการ์ตูนโดราเอม่อน ต่อยอดการโปรโมทประเทศไทย เพิ่มเติมจากที่ทางTV Asahiซาฮี เพิ่งจะออกตอนใหม่ ที่มีฉากโดราเอม่อนมาเที่ยวไทย มีฉากรถตุ๊กตุ๊กและตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งเขาทำเอง , การทำตลาดผ่าน Social Media, KOL

ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน ททท.โรดโชว์ 3 เมืองแดนปลาดิบ ปั้มญี่ปุ่นเที่ยวไทย  ดันรายได้แตะ 5.5 หมื่นล้าน

ส่วนมุมมองสำหรับผู้ประกอบการไทย ททท. แนะนำผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเจาะตลาดญี่ปุ่นต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ จ้างพนักงานที่พูดญี่ปุ่นได้หรือมี Sales คนญี่ปุ่นปรับตัวตามเทรนด์ ให้ความสำคัญกับ SDGs และการท่องเที่ยวยั่งยืน
เข้าใจวัฒนธรรม คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความสะอาด ความสะดวก และความปลอดภัย

ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายและการปรับตัวสู่ตลาดรุ่นใหม่ ทำให้การท่องเที่ยวไทยมีโอกาสดีในการดึงดูดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในระยะยาว แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต่างๆ แต่ด้วยความหลากหลายของเครื่องมือการตลาดและการทำความเข้าใจตลาดเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง คาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมาย 1.2 ล้านคนในปี 2568 ได้ นายขจรเดช กล่าวทิ้งท้าย

เปิดพฤติกรรมนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวไทย

สำหรับปริมาณเที่ยวบินในเส้นทางระหว่างไทย-ญี่ปุ่นปัจจุบันในตารางบินฤดูร้อน (วันที่ 30 มี.ค.-25 ต.ค. 68) มี 9 สายการบินเปิดเส้นทางบินระหว่างไทย-ญี่ปุ่น รวม 7,423 เที่ยวบิน รวมจำนวน 1,983,715 ที่นั่ง ได้แก่  การบินไทย, เจแปนแอร์ไลน์ส ,ANA,ไทยแอร์เอเชีย,ไทยเวียตเจ็ท,พีช แอร์,ZIP AIR และ แอร์ เจแปน

ทั้งนี้การท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกกำลังเป็นที่นิยมมากในตลาดญี่ปุ่น โดยแหล่งท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่คนญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาเที่ยวไทย คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต พระนครศรีอยุธยา และ เชียงใหม่ วันพักเฉลี่ยอยู่ที่ 6.04 คืน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4,506 บาทต่อคนต่อวัน กิจกรรมยอดนิยม

ได้แก่ ทานอาหารไทย เยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ นวดและสปา แสงสียามค่ำคืน และกิจกรรมชายหาด มีค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมเฉลี่ย 27,214 บาทต่อคนต่อทริป และนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะคำนึงถึงความปลอดภัย และต้องการสาธารณูปโภคที่ครบครัน ถูกสุขลักษณะอนามัย มีมาตรฐานด้านสาธารณสุขรองรับในแต่ละพื้นที่

อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์ของตลาดญี่ปุ่นกำลังปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวของไทย อย่าง การอ่อนค่าของเงินเยนจาก 110 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 เป็น 140-160 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 จะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น

ในปีที่ผ่านมาก็แซงหน้าประเทศไทยไปเป็นครั้งแรก โดยญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36.9 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 47.1%) ส่วนไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 35.05 ล้านคน รวมถึงการแข่งขันการชิงตลาดของประเทศคู่แข่ง 

ดังนั้นการเปิดแนวรุกตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ผ่านการจัดกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธที่สำคัญในการชิงนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยด้วยเช่นกัน เพราะนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ติด 1 ใน 10 อันดับแรก ที่เดินทางมาเที่ยวไทยนั่นเอง