เปิดโมเดลธุรกิจ PCL Hospitality มืออาชีพธุรกิจบริหารโรงแรมไทย

รุกโมเดลธุรกิจ 2 แกนหลัก

นายปฐม ศิริวัฒนประยูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีซีแอล ฮอสปิทาลิตี้ จำกัด (PCL Hospitality) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า PCL Hospitality มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่งใน 2 ด้านได้แก่ 1.การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ 2.การบริหารโรงแรม โดยให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ จนถึงการบริหารจัดการโรงแรม

สำหรับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ลูกค้าจะมี 2 ลักษณะ คือ 1. กลุ่มเจ้าของที่ดินที่ต้องการสร้างโรงแรม ลูกค้าในกลุ่มนี้มักอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังต้องการข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ทั้งในเรื่องของแนวทางการพัฒนา รูปแบบโรงแรม จำนวนห้องพักที่เหมาะสม งบประมาณลงทุน ไปจนถึงประมาณการรายได้ ค่าใช้จ่าย ผลตอบแทน และระยะเวลาคืนทุน 

อีกกลุ่มคือ 2. กลุ่มที่มีแผนโครงการอยู่แล้ว แต่ต้องการผู้ช่วยในการบริหารจัดการก่อสร้าง สำหรับกลุ่มนี้ PCL มีบริการด้านการบริหารโครงการ (Project Management) โดยจะเข้ามาช่วยประสานงานระหว่างเจ้าของโครงการ สถาปนิก มัณฑนากร และผู้รับเหมา รวมถึงจัดประชุมประจำสัปดาห์เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการดำเนินไปตามแผน พร้อมใช้งานได้จริง และตอบโจทย์เชิงธุรกิจ

เปิด 2 รูปแบบรับบริหารโรงแรม

ส่วนธุรกิจการบริหารโรงแรม บริษัทให้บริการใน 2 รูปแบบ คือ บริหารภายใต้ชื่อของเจ้าของเอง หรือบริหารภายใต้แบรนด์ระดับนานาชาติในรูปแบบแฟรนไชส์

"ระบบแฟรนไชส์เพิ่งเข้ามาในเมืองไทยไม่นานนี้ ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 90% ของธุรกิจโรงแรมเป็นระบบแฟรนไชส์ ในยุโรปก็เกิน 50% แต่ในเอเชียยังมีน้อย" นายปฐมอธิบาย

ระบบแฟรนไชส์ทำให้เจ้าของโรงแรมได้ใช้ชื่อแบรนด์ดัง แต่การบริหารจะใช้บริการจาก Third Party อย่าง PCL แทน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับโรงแรมขนาดกลางถึงเล็กที่มีประมาณ 100-150 ห้อง ไม่เกิน 200 ห้อง เนื่องจากแบรนด์ใหญ่ๆ มักจะรับบริหารเฉพาะโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ 250-300 ห้องขึ้นไป

"เรามีทีมอยู่ 5 ฝ่าย แต่ละฝ่ายจะมีทีมของตัวเองอยู่" นายปฐมกล่าวถึงการให้บริการบริหารโรงแรม "ฝ่ายแรกคือการขายและการตลาด หรือที่เรียกว่า Commercial Team ซึ่งจะมีทั้งทีมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ทีมการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย การปรับราคาให้โรงแรม การทำ Revenue Management และทีมเซลล์ที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยโรงแรมทุกสาขาของเรา"

นอกจากนี้ PCL ยังมีฝ่ายบุคคล ที่ดูแลการสรรหา และฝึกอบรมบุคลากร การวางโครงสร้างบุคลากรให้เหมาะสมกับแต่ละโรงแรม  ฝ่ายบัญชีและการเงินที่ดูแลด้านงบประมาณ และการควบคุมค่าใช้จ่าย ฝ่ายเทคนิคที่ดูแลด้านการประหยัดพลังงานและการดูแลทรัพย์สิน และระบบต่างๆ เช่น แอร์, น้ำ ,ไฟฟ้า รวมถึงฝ่ายปฏิบัติการที่ดูแลงานบริการหน้าบ้าน (Front Office), แม่บ้าน (Housekeeping) และอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) และยังมีฝ่าย IT ที่ดูแลระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับทุกสาขา

ปัจจุบัน PCL มีพนักงานประมาณ 25 คนในสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ และบริหารโรงแรมประมาณ 10 แห่ง ทั้งที่เป็นแบรนด์ของเจ้าของเองและแบรนด์แฟรนไชส์

จุดเด่นและความได้เปรียบของ PCL

จุดแข็งสำคัญของ PCL คือ ความสามารถในการสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน (GOP) โดยโรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหารสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น Renaissance Pattaya มี GOP มากกว่า 40%และ โรงแรมขนาดเล็กบางแห่ง GOP สูงกว่า 55%

ด้วยการบริหารแบบ Cluster ที่ใช้ทรัพยากรส่วนกลางร่วมกัน ทำให้สามารถควบคุมต้นทุน และลดความซ้ำซ้อนของบุคลากรในแต่ละโรงแรมได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ PCL ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของโรงแรม คือ ความเข้าใจในบริบทของธุรกิจไทย จากทีมงานคนไทยที่มีประสบการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

คุณปฐมเล่าว่า "เจ้าของโรงแรมหลายท่านให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับทีมที่เข้าใจทั้งวัฒนธรรมการบริหารแบบไทย และมาตรฐานระดับนานาชาติ ซึ่งทีมของเราผสมผสานสองสิ่งนี้ได้อย่างลงตัว ผมเองมีประสบการณ์ทำงานกับเชนโรงแรมชั้นนำทั่วโลกมากว่า 20 ปี ทั้งในยุโรปและเอเชีย ก่อนจะกลับมาตั้ง PCL และพัฒนาทีมที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านการบริหารโรงแรมของไทยโดยเฉพาะ"

โอกาสธุรกิจเติบโตหลังโควิด-19

PCL ก่อตั้งขึ้นก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมโรงแรม โดยเฉพาะในด้านแนวคิดเรื่อง “การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ” ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นจากเจ้าของโรงแรมจำนวนมาก

“ช่วงก่อนโควิด อุตสาหกรรมโรงแรมเติบโตอย่างรวดเร็ว หลายแห่งมีผลตอบรับที่ดีจากความต้องการของตลาด แต่หลังจากโควิด สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ทุกโรงแรมต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์การบริหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างรายได้และควบคุมต้นทุนได้อย่างยั่งยืน” นายปฐมกล่าว

หลังการระบาด หลายโรงแรมเริ่มมองหาโซลูชันที่ช่วยเสริมศักยภาพด้านการบริหารมากขึ้น PCL ได้รับการติดต่อจากเจ้าของกิจการจำนวนมากที่ต้องการคำปรึกษาและบริการบริหารโรงแรมอย่างต่อเนื่องแทบทุกสัปดาห์ สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเปิดรับแนวทางการบริหารแบบมืออาชีพในวงกว้าง

อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญคือ การเปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่นภายในธุรกิจครอบครัว โดยเจเนอเรชันใหม่ให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว และมองหาพาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์ในการบริหาร เพื่อให้ธุรกิจสามารถต่อยอดได้อย่างเป็นระบบ แทนการบริหารแบบลงลึกในงานประจำวัน

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น เช่น โครงการบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียม ต่างเริ่มสนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรมเพิ่มมากขึ้น เพราะมองเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมนี้ในระยะยาว แม้จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการบริหารที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็นจุดที่ PCL สามารถเข้ามาเติมเต็มได้อย่างเหมาะสม

กางแผนการเติบโตในอนาคต

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของ PCL มาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริหารโรงแรมในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันคือประมาณ 50:50 ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแรงของทั้งสองสายธุรกิจ และเป็นรากฐานในการต่อยอดสู่การเติบโตในอนาคต

PCL วางแผนการเติบโตใน 3 ทิศทางหลัก ได้แก่ การขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอินโดจีน ที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากประเทศลาวและกัมพูชาให้ความสนใจติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการขยายเครือข่ายในระดับภูมิภาค

การเจาะตลาดในเมืองรองของไทย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งยังมีศักยภาพอีกมาก ทั้งในแง่ของการเดินทาง การลงทุน และการพัฒนาพื้นที่ เมืองรองในวันนี้กำลังกลายเป็น "เมืองโอกาส" ที่น่าสนใจ

การลงทุนในโรงแรมของตัวเอง PCL มีแผนจะสร้างโรงแรมภายใต้การบริหารของบริษัทเอง โดยเริ่มจากโครงการแรกในย่านทองหล่อ บนที่ดินเช่าระยะยาว และมีแผนขยายไปยังเมืองรองอื่นๆ ต่อไป

คุณปฐม กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมไม่ได้ผูกติดอยู่กับการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการเดินทางหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อทำงาน เยี่ยมครอบครัว ทำธุรกิจ หรือร่วมงานสำคัญในชีวิต เช่น การแต่งงาน โรงแรมที่ดีจึงต้องสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายนี้ได้

อีกหนึ่งแนวทางการเติบโตของ PCL คือการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ที่มีศักยภาพ เช่น Yunomori แบรนด์ออนเซ็นที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีสาขาในสุขุมวิท 26 และสาทร ซอย 10 การผนึกกำลังกันในลักษณะนี้ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโรงแรมทั้งในมิติของบริการและประสบการณ์ของลูกค้า

"เป้าหมายของเรา คืออยากเห็นโรงแรมแต่ละแห่งที่เรามีส่วนร่วมประสบความสำเร็จ เพราะเราเชื่อว่าเจ้าของโรงแรมคือพันธมิตรที่เดินไปด้วยกัน เมื่อเขาเติบโต เราก็เติบโตไปพร้อมกัน ผมเชื่อว่ากุญแจสำคัญของความสำเร็จ เริ่มจากการ ‘ติดกระดุมเม็ดแรก’ ให้ถูกต้อง การวางระบบ การเลือกพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจธุรกิจโรงแรมอย่างลึกซึ้ง คือจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่ความยั่งยืนในระยะยาว"

เป้าหมายและแนวคิดธุรกิจ

“ผมให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญและความหลงใหล (passion) ของตัวเอง ผมเชื่อว่าเมื่อเราทำสิ่งที่รักและถนัด เราจะสามารถสร้างคุณค่าได้อย่างแท้จริง แม้บางครั้งจะมีโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นเข้ามา หากไม่ใช่สิ่งที่เราอินหรือเชี่ยวชาญ ผมก็เลือกจะไม่ทำ” นายปฐมเล่าถึงแนวคิดในการขับเคลื่อนธุรกิจ เป้าหมายของ PCL ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเติบโตของบริษัทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมโรงแรมของประเทศไทยให้เดินหน้าอย่างยั่งยืน

“โรงแรมขนาดเล็กบางแห่งอาจยังเข้าไม่ถึงการฝึกอบรมจากเชนโรงแรมระดับสากล หรือไม่รู้จะเริ่มต้นพัฒนาบุคลากรจากจุดไหน ผมมองว่านี่คือโอกาสที่เราจะเข้าไปช่วยเติมเต็ม เพื่อให้พวกเขาเติบโตได้อย่างมั่นคงในแบบที่ยังคงเอกลักษณ์และเสน่ห์ของความเป็นท้องถิ่นไว้ได้”

ความท้าทายในการบริหารโรงแรม

แม้ว่าธุรกิจโรงแรมจะยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญ โดยเฉพาะในกรณีที่ PCL เข้าไปดูแลโรงแรมที่ดำเนินงานมาแล้วช่วงหนึ่ง ซึ่งมักมีบริบทเฉพาะตัวที่ต้องทำความเข้าใจอย่างรอบด้านก่อนจะวางกลยุทธ์ใหม่ให้เหมาะสม

“การเริ่มต้นวางระบบบริหารตั้งแต่ต้นย่อมเป็นกระบวนการที่ควบคุมและออกแบบได้ง่ายกว่า แต่โรงแรมจำนวนไม่น้อยที่เราเข้าไปดูแล เป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการมาแล้ว และอาจกำลังเผชิญกับโจทย์ทางธุรกิจบางอย่าง ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาสในการเข้าไปช่วยเสริมศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น” นายปฐมกล่าว

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ PCL พบจากประสบการณ์ในการเข้าบริหารโรงแรมหลายแห่ง คือโครงสร้างการจัดการบุคลากรที่ไม่สอดคล้องกับรายได้และรูปแบบการดำเนินงานจริง ซึ่งมักเป็นผลจากพัฒนาการเฉพาะตัวของแต่ละโรงแรมในช่วงก่อนหน้า

ในกรณีเช่นนี้ PCL จะไม่เข้าไป “ให้คำปรึกษา” เท่านั้น แต่จะ รับช่วงเข้าบริหารแบบเต็มรูปแบบ ทีม PCL จะเป็นผู้จัดการทุกมิติของการดำเนินงาน ตั้งแต่การวางระบบใหม่ ปรับโครงสร้างองค์กร (Re-organize) ไปจนถึงการจัดสรรทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจและความต้องการของตลาด

แนวทางนี้ทำให้เจ้าของสามารถมุ่งเน้นการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ ขณะที่ PCL เข้ามาบริหารอย่างมืออาชีพ โดยมีเป้าหมายหลักคือการยกระดับผลประกอบการและสร้างความยั่งยืนให้กับโรงแรมในระยะยาว