นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ นายกสมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (Event Management Association : EMA) กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ลำบากมากสำหรับวงการอีเว้นท์ ปริมาณงานน้อยลง ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งนโยบายทรัมป์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก ธนาคารโลกปรับลดจีดีพีไทยจาก 2.9% เหลือแค่ 1.6% ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินในระบบเศรษฐกิจโดยรวม แบบนี้เรียกว่า ‘ตายยกรัง’
ตอนนี้วงการอีเว้นท์ก็ยากลำบากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ( S M L) ต่างก็ขาดสภาพคล่องกันหมด หลายคนรับงานมาแล้วไม่ได้รับเงินจากออร์แกไนเซอร์ คิดว่าเกิดจากปัญหาสภาพคล่องของตลาดโดยรวม
“ผมคิดว่านี่หนักที่สุดในรอบ 10 ปี บริษัทออร์แกไนเซอร์ และ บริษัทซัพพลาย เชน กำลังเจอปัญหาเดียวกันหมด คือ เงินไม่ออก มาตั้งแต่ต้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการเบิกเงินที่อาจจะติดขัดเรื่องเอกสาร รวมถึงธนาคารไม่ปล่อยกู้ ทำให้ขาดสภาพคล่องทั้งระบบ” อุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ กล่าว
ในช่วงโควิด 3 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2563-2566 ทุกบริษัทก็ใช้กระแสเงินสดเพื่อประคองตัวให้อยู่รอดไปหมดแล้ว หลังผ่านช่วงโควิดมา ทุกคนคิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น คิดว่ากราฟจะขึ้น งานจะเข้ามาเยอะ สุดท้ายไม่ใช่ ช่วงโควิดกราฟตกมาก หลังโควิดกลับตกลงไปอีก
เพราะฉะนั้น หลังจากที่ธุรกิจใช้กระแสเงินสดกันไปหมดแล้ว และหลังโควิดแบงก์ไม่ปล่อยกู้ งานน้อยลง และลูกค้าจ่ายเงินช้า ทำให้ทุกคนเกิดปัญหาฝืดเคือง
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็ต้อง รัดเข็มขัด ลดคน จะกลับไปเหมือนยุคโควิดช่วงแรก ๆ คือ ไม่มีงาน ทุกคนต้องลดสเกลคน ลดค่าใช้จ่าย ตัวเอง เชื่อว่าเป็นกันหมด ไม่มีใครไม่เป็น
“ผมเป็นห่วงเศรษฐกิจปีนี้น่าจะหนักพอสมควร เงินหายไปจากสภาพคล่องเยอะ โดยเฉพาะกรณีฟรีซโครงการใหญ่ ๆ ซึ่งมีทั้งของเอกชนและของรัฐบาล จึงส่งผลกระทบกับซัพพลาย เชนที่อยู่ข้างล่าง ทั้งระบบแบบโดมิโน”
นายอุปถัมป์ ยังกล่าวต่อว่า ในภาวะเช่นนี้เขาก็ยังมองว่าในวงการอีเว้นท์ กลุ่มที่มีทางรอดน่าจะเป็นกลุ่มซัพพลาย เชน เช่น แสง สี เสียง กลุ่มนี้จะยังมีงานเรื่อย ๆ รวมถึงงานอีเว้นท์ประเภท Electronic Dance Music หรือ EDM ซึ่งมักใช้ซัพพลาย เชน กลุ่มนี้มาก และยังมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นงานขนาดเล็ก
แต่สำหรับงานอีเว้นท์ขนาดใหญ่ และงานเทศกาลต่างๆ มีแนวโน้มน้อยลง และวงการออแกไนซ์เซอร์จะลำบากมาก จะกลับไปเหมือนยุคโควิดช่วงแรก ๆ คือ ไม่มีงาน ทุกคนต้องลดสเกลคน ลดค่าใช้จ่าย ตัวเอง เชื่อว่าเป็นกันหมด
แม้ธุรกิจอีเว้นท์จะกระทบจากหลายปัจจัย และมีปัญหาเรื่องของสภาพคล่อง แต่เขาก็ยังมองว่าภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์ในปีนี้ ก็ยังน่าจะเติบโตได้ประมาณ 10% โดยพัฒนาการของธุรกิจอีเว้นท์ในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงไป
ปัจจุบันวงการอีเว้นท์มีการทรานส์ฟอร์มไประดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่เห็นชัดคือ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป คนยอมจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อได้มีส่วนร่วมกับศิลปินที่ชื่นชอบ การจัดคอนเสิร์ตจึงดึงการมีส่วนร่วมของคนได้ดี แม้จะต้องจ่ายแพง จะเห็นได้ว่าทุกคอนเสิร์ตเปิดจองตั๋วเพียงชั่วโมงเดียวก็หมดแล้ว
ธุรกิจอีเว้นท์ไม่ได้ถูกดิสทรัปจากเอไอหรือเทคโนโลยี แต่ถูกดิสรัปจากความเปลี่ยนแปลงของวิธีการจัดอีเว้นท์เปลี่ยนไปเป็นเฟสติวัลมากขึ้น เขาคิดว่าช่วงนี้เป็นช่วงปรับตัว หลังจากนี้ไปก็จะพอรู้แล้วว่า อีเว้นท์จะมารูปแบบไหน และคนจะหันไปสนใจอะไรมากกว่ากัน
เชื่อว่าอีเว้นท์ในอนาคตจะเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เช่นสงกรานต์เฟสติวัล อีเว้นท์คอนเสิร์ต ส่วนอีเว้นท์แบบมาร์เก็ตติ้งจะน้อยลง เราจะได้เห็นการจัดงานในรูปแบบใหม่ ๆ ของอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทย ที่น่าจะโตไปพร้อมกับเทรนด์ใหม่ของโลก
สำหรับสิ่งที่อยากให้รัฐบาลช่วยผู้ประกอบการ คือ เรื่องการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ ปัจจุบันธนาคารแทบไม่ปล่อยกู้ รวมถึงช่วยเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะโครงการต่าง ๆ ที่ชะลอหรือถูกระงับไว้ ถ้าเริ่มปล่อยเม็ดเงินเข้าระบบ จะช่วยให้ทุกภาคส่วนฟื้นกลับมาได้เร็วขึ้น
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,095 วันที่ 11 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568