“อภิชา สินธุฉัตร” ทายาทรุ่น 3 ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ เปิดใจว่าห้างทองเยาวราชกรุงเทพ เป็นเชนร้านทองรูปพรรณชั้นนําของประเทศไทย ซึ่งถือว่าจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้ทางครอบครัวกมีคุณพ่อ ผมพี่ชายอีก 2 คน ช่วยกันบริหาร
หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านบริหารจากประเทศอังกฤษ และปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์การเงินจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ก่อนกลับมาช่วยงานครอบครัวเมื่อประมาณหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา
“ตอนนี้เป้าหมายหลักของผม คือการรับช่วงต่อธุรกิจจากคุณพ่อให้ได้ ซึ่งก็หมายความว่าผมต้องวางระบบและเรียนรู้งานที่คุณพ่อทำในปัจจุบันให้ได้เร็วที่สุด”
หน้าที่หลักๆตอนนี้ก็อาจจะเรียกได้ว่า เป็นผู้ช่วยผู้บริหาร เพราะว่าเหมือนกับทําหน้าที่ของคุณพ่อบางอย่างที่ท่านคิดว่าผมพร้อมที่จะทําแล้ว ณ ตอนนี้ก็จะมีอย่างเช่น การแก้ปัญหาทั่วไป คือ สมมุติ ถ้ามีเคสพนักงานทุจริตก็จะไปช่วยกันหารือว่า จะมีการวางระบบยังไง หรือการเปลี่ยนระบบการทํางานยังไงให้แก้ไขตรงในส่วนนี้ได้ หรือ กรณีที่คู่แข่งออกโปรโมชั่นใหม่มา ผมก็จะไปช่วยหารือกับทีมว่า เราจะมีการตอบโต้อย่างไร ให้เรารักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้
สำหรับสถานการณ์ราคาขายที่เกิดขึ้น ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ราคาทองมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญ ซึ่งการที่ราคาทองปรับตัวขึ้นเช่นนี้ ส่งผลให้กำลังซื้อของลูกค้าลดลง แม้ว่าห้างทองจะได้กำไรจากมูลค่าสต็อกทองที่เพิ่มขึ้นตามราคาตลาด
แต่ยอดขายทองกลับไม่ได้สูง เหมือนช่วงที่ราคาทองต่ำ เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อทอง เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เราต้องมีการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการศึกษาความเป็นไปได้ก่อนการเปิดสาขาใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าในพื้นที่นั้นมีดีมานด์เพียงพอ
แล้วอีกอย่างที่สําคัญ คือว่า เราต้อง make sure ว่ามาตรฐานการบริการของเราดีอย่างต่อเนื่อง เหมือนที่เคยดีมา เพื่อให้ลูกค้ายังคงเลือกเราต่อไป แล้วก็ทําให้ส่วนแบ่งตลาดของเรายังเป็นที่น่าพึงพอใจ เราก็มองว่าด้วยความที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้การพิจารณาขยายสาขาใหม่ เราก็ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น
เมื่อถามถึงการปรับตัวในภาวะที่การซื้อทองชะลอตัว เพราะราคาทองปรับสูงขึ้น ทายาทรุ่นใหม่ให้มุมมองว่า ราคาทองเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ เราจึงต้องสู้กับคู่แข่ง โดยการคิดโปรโมชั่นใหม่ๆ และการรักษามาตรฐานการบริการให้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็น 2 สิ่งที่เราสามารถทำได้
จากบทวิเคราะห์ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมสังเกตว่าพฤติกรรมการขายทองของผู้บริโภคในปัจจุบันเป็นลักษณะขายเรื่อยๆ ตามเวลา ไม่ได้มีการขายแบบพรึ่บพรั่บ เมื่อราคาทองขึ้นไปถึงจุดหนึ่ง
“ปัจจุบันผมคิดว่าคนมีการขายทอง มีมาตั้งแต่ราคาทองขึ้นมาเกิน 40,000 บาทไปแล้ว ก็จะมีคนจํานวนหนึ่ง พอเห็นราคาขึ้นอีกสัก 30,000 บาท แล้วก็จะเริ่มอดใจยากแล้วว่าจะเก็บเอาไว้ต่อดีไหม เขาก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ขึ้นมา 30,000 บาท เนี่ยมันจะขึ้นมาเกิน 40,000 บาท รึเปล่าเลย ก็เลยต้องบอกว่าเรื่องของการขาย พอขึ้นมา 40,000 บาทก็ไม่ได้เยอะ อย่างที่หลายๆคนคิดเอาไว้ แต่เป็นลักษณะขายเรื่อยๆตามเวลามากกว่า ก็ยังไม่ถือว่ามีเป็นนัยยะ ก็ไม่ได้แบบบูมเหมือนกับเยอะขึ้นมาก
ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ มีผลิตภัณฑ์หลัก 3 ประเภท ได้แก่ ทองรูปพรรณ ทองแท่ง และบริการออมทอง โดยที่ผ่านมารายได้หลักมาจากทองรูปพรรณ และในปีนี้เราก็จะเน้นที่ทองรูปพรรณเหมือนเดิม เพราะเป็นรายได้หลักของเรา แต่ในเชิงของการเติบโต อาจจะเป็นการรับซื้อในช่วงที่ราคาทองขึ้นเยอะ อีกทั้งหลังๆจะพบว่าการออมทองกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะเมื่อราคาทองสูง การที่ลูกค้าจะออมเงินมาซื้อทองก็ใช้เวลานานขึ้น ทำให้หลายคนหันมานิยมการออมทองแทน
ในส่วนของแผนการขยายสาขา ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 360 สาขาทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ตามห้างสรรพสินค้า เช่น โลตัส บิ๊กซี เซ็นทรัล และโรบินสัน โดยเราเป็นคนลงทุนทั้งหมด และจากทองราคาขึ้น
เราต้องมีความรอบคอบในการดําเนินธุรกิจ มองหาโอกาสในการขยายสาขาอย่างระมัดระวัง เนื่องด้วยร้านเราตั้งอยู่ในห้างเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้เราก็ไปเปิดสาขาตามห้างเห็นว่ามีศักยภาพไปหลายที่แล้ว แต่ก็ยังมีบางที่ที่เรายังมองว่ามีโอกาส เรามีทีมที่คอยตระเวนดูในแต่ละพื้นที่ว่ามีที่ไหนน่าสนใจ ถ้ามีก็พร้อมจะลงทุนเปิดสาขาใหม่ เราไม่ได้มีเป้าหมายตัวเลขการขยายสาขาที่ชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับโอกาสทางธุรกิจในแต่ละพื้นที่ที่จะพบเจอ
ทายาทห้างทองเยาวราชกรุงเทพ เน้นย้ำถึง 3 ประเด็นหลักในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ เนื่องจากราคาทองปรับตัวสูงขึ้นได้แก่ 1.ความรอบคอบในการขยายธุรกิจ 2.การรักษามาตรฐานการบริการให้ดีอย่างต่อเนื่อง และ 3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะในส่วนของลายทองใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมและกำลังมาแรงในช่วงนี้ ก็นําไปขาย เพื่อให้เราเป็นตัวเลือกของลูกค้าที่ดีต่อไป
เราขายแต่ในประเทศ ไม่มีส่งออก เป็นเชนร้านทอง เป็น รีเทล มีหน้าร้านในประเทศเท่านั้น การแข่งขันร้านเราเน้นทองรูปพรรณ เป็นหลัก พวก สร้อย แหวน ซึ่งผมคิดว่า ทองรูปพรรณ ลูกค้า ต้องการที่จะเห็นสินค้า จริงๆ ก่อนที่จะซื้อ หรือว่า หรือจะลงทุนในทอง เลยคิดว่าการมีออนไลน์ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรขนาดนั้น และเราก็มีเว็บไซต์ มีลายให้เลือกลูกค้าสามารถสั่งไปที่บ้านได้
นอกจากธุรกิจห้างทอง ครอบครัวยังได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโรงแรม โดยกำลังพัฒนาโรงแรมระดับลักชัวรี ภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัล ที่เสม็ดนางชี จังหวัดพังงา ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2571 จำนวนประมาณ 120 ห้อง บนพื้นที่กว่า 100 ไร่อีกด้วย
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,089 วันที่ 20 - 23 เมษายน พ.ศ. 2568