นับเป็นเวลา 1 ปี 7 เดือนแล้ว ที่สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ หลังจากศาลล้มละลายกลางออกคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566
ล่าสุดสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ อยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้ เพื่อดูจังหวะความเหมาะสมในการเพิ่มทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สายการบินออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ และประธานบริษัทเอเชียเอวิเอชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ AAV เปิดเผยว่า ปัจจุบันสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ได้ทยอยชำระหนี้ไปแล้วกว่า 60-70 % จากหนี้ทั้งหมด 4,270 ล้านบาท ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้
ส่วนการจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ จะต้องมีการเพิ่มทุน 1,000 ล้านบาทก่อน ซึ่งในขณะนี้ขอดูสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้ก่อน ว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในช่วงไหน โดยปีนี้ก็คงจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร
การหาพาร์ทเนอร์ใหม่เข้ามาเพิ่มทุนในครั้งนี้ ผมมองว่าไม่ยาก วงเงินแค่ 1,000 ล้านบาท ตอนที่ไทยแอร์เอเชีย ออกจากโควิดก็ขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่พาร์ทเนอร์ใหม่ เพิ่มทุน 5,000 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ก็มีกำไร ตั้งแต่ปีที่แล้ว
โดยมีกำไรอยู่ที่ 400 กว่าล้านบาท แต่อาจจะยังไม่มากนัก เนื่องจากเครื่องบินของสายการบิน แอร์บัส เอ 330 เป็นเครื่องบินรุ่นใหญ่กว่าไทยแอร์เอเชีย ทำให้การซ่อมบำรุงจะค่อนข้างลำบากกว่า ต้องไปซ่อมบำรุงที่อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งต้องใช้เวลา
ก่อนโควิดไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มีเครื่องบิน 12 ลำ ในปีที่ผ่านมา มีเครื่องบินปฏิบัติการบินอยู่ 10 ลำ ปีนี้จะคืนไปอีก 1 ลำ ก็จะเหลือ 9 ลำ ก็ต้องนำเครื่องไปใช้ในบินในเส้นทางที่มีศักยภาพสูง โดยได้หยุดบินกรุงเทพ-ซิดนีย์ไป
เนื่องจากการทำวีซ่าค่อนข้างยาก จึงนำเครื่องบินไปใช้บินในเส้นทางที่มีดีมานต์การเดินทางสูงกว่า อย่าง ญี่ปุ่น และเตรียมจะเปิดจุดบินเพิ่มญี่ปุ่นอีก 1 เมือง รวมถึงเมืองในตะวันออกกลางอีก 1-2 เมือง และจะเริ่มเปิดบินสู่คาซัคสถานในเร็วๆนี้
จากปัจจุบันที่สายการบินทำการบินตรงไปยัง 7 เส้นทาง จากดอนเมือง(DMK) สู่ โซล (เกาหลีใต้) โตเกียว โอซาก้า ซัปโปโร นาโกย่า(ญี่ปุ่น) เดลี (อินเดีย) เซี่ยงไฮ้ (จีน) รวมทั้งสายการบินก็มองที่จะหาเครื่องบิน แอร์บัส เอ 330 เข้ามาเพิ่มอีก 2-3 ลำ
แต่ก็ยอมรับว่าสถานการณ์การจัดหาเครื่องบิน หลังโควิด-19 ในขณะนี้การหาเครื่องบินมาใช้ จะค่อนข้างยากกว่าในอดีต แต่สายการบินก็เน้นการบริหารจัดการเครื่องบินให้สอดคล้องกับดีมานต์การเดินทาง ก็ยังมั่นใจว่าปีนี้ผลประกอบการก็ยังคงเป็นทิศทางบวก
ทั้งนี้หากรวมกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย จะเห็นว่า เราเป็นสายการบินที่ทำการบินเข้าญี่ปุ่นมากที่สุด ขณะเดียวกันเรายังมองโอกาสในการเข้าไปลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน หรือ MRO ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT ก็ต้องการผลักดันให้เกิด และเราเองก็มองว่าหลังโควิดเป็นต้นมา ศูนย์ซ่อมอากาศยานมีความสำคัญมาก
ส่วนความคืบหน้าที่เคยมีการมองไปถึงการควบรวมสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ กับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ให้เป็นสายการบินเดียวกัน ในอนาคต ซึ่งจะเป็นโมเดลเดียวกับที่แอร์เอเชีย มาเลเซีย ได้ควบรวมสายการบินแอร์เอเชีย กับ แอร์เอเชีย เอ็กซ์ หลังจากแคปปิตอล เอ (Capital A Berhad) ประกาศขายกิจการธุรกิจการบินในกลุ่มแอร์เอเชีย ให้กับแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (AirAsia X Berhad) และมีแผนจะรวมกิจการธุรกิจการบินภายใต้แบรนด์แอร์เอเชีย กับแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เข้าด้วยกันนั้น
ในเรื่องนี้สำคัญประเทศไทยก็คงอยู่ระหว่างการศึกษา เพราะมีเรื่องหลายต้องคำนึง ไม่ว่าจะเป็นใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจ สล็อตการบิน ไฟแนนซ์ ซึ่งในขณะนี้เราคงไม่มองว่าจะเอา 2 บริษัทมารวมกัน แต่กำลังศึกษาอยู่ว่าจะร่วมกันอย่างไร ซึ่งในเวลานี้ก็ยังไม่ต้องเร่งรีบอะไรในขณะนี้
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,084 วันที่ 3 - 5 เมษายน พ.ศ. 2568