อิมแพ็ค ทุ่ม 100 ล้าน พลิก เมืองทองธานี สู่ Smart City รับรถไฟฟ้า

03 เม.ย. 2568 | 07:06 น.
อัปเดตล่าสุด :03 เม.ย. 2568 | 14:28 น.

อิมแพ็ค เมืองทองธานี ทุ่มกว่า 100 ล้านบาท แก้ปัญหาจราจร พลิก "เมืองทองธานี" สู่ Smart City ด้วย CCTV เทคโนโลยีอัจฉริยะ 18 จุด 4,000 ไร่ รองรับรถไฟฟ้าสายสีชมภูส่วนต่อขยาย

นายพอลล์  กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดเผยถึงแผนพัฒนาโครงการเมืองทองธานี พื้นที่รวมกว่า 4,000 ไร่ ให้เป็น Smart City หรือเมืองอัจฉริยะ อย่างเต็มรูปแบบภายในระยะเวลา 3 ปีจากนี้

โดยในระยะแรกจะมุ่งเป้าที่การจัดการด้านการขนส่ง วางระบบการจราจรในพื้นที่ให้สามารถเชื่อมต่อกับบริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้ามาในเมืองทองธานี ทั้ง 2 สถานี ได้แก่ สถานี อิมแพ็ค เมืองทองธานี บริเวณอาคารชาเลนเจอร์ และ สถานีริมทะเลสาบเมืองทองธานี ได้อย่างเป็นระบบและมีความคล่องตัว

นายพอลล์  กาญจนพาสน์

พร้อมได้วางงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือ CCTV เทคโนโลยีอัจฉริยะถึง 200 ตัว เพื่อจะนำดาต้ามาช่วยจัดการด้านการขนส่ง แก้ปัญหาจราจรในพื้นที่ และช่วยให้การเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายทั้ง 2 สถานีเกิดความสะดวก

 

ด้วยระบบการจัดการที่เป็นแบบเรียลไทม์สามารถเช็คปริมาณรถยนต์และจำนวนคนเข้าออก ในพื้นที่รายงานแบบทันท่วงที พร้อมดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยการดำเนินการระยะแรกได้แล้วเสร็จช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้

“การติดตั้ง CCTV ที่เป็นระบบอัจฉริยะนี้ จะช่วยเสริมจากที่มีอยู่เดิมภายใต้โครงการ Smart Safety Zone 4.0 ที่ผ่านมา ในการดูแลเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ โดย CCTV เทคโนโลยีอัจฉริยะที่นำมาใช้นี้มีความสามารถตรวจจับสภาพการจราจร ตามทางแยกโดยใช้กล้อง CCTV มาปรับเปลี่ยนสัญญาณไฟ จราจรได้ตามความเหมาะสม

อิมแพ็ค ทุ่ม 100 ล้าน พลิก เมืองทองธานี สู่ Smart City รับรถไฟฟ้า

และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบกับสามารถปรับปรุง การไหลของปริมาณรถ เพื่อลดเวลาในการเดินทางได้ และเพิ่มความปลอดภัย ในพื้นที่โดยใช้เทคโนโลยี ตรวจจับและเตือนภัย โดยการแจ้งเตือนเมื่อมีอุบัติเหตุหรือ สถานการณ์ที่อาจเกิดอันตรายในพื้นที่ได้”

นายธนรัฐ เข็มเพ็ชร ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารเมือง กล่าวถึงการสำรวจและกำหนดจุดในการติดตั้ง CCTV เทคโนโลยีอัจฉริยะ ครอบคลุมทั้งแยกสำคัญ ถนนหลัก และทางเข้าออกเมืองทองธานี เพื่อให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและดูแลความปลอดภัยให้ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่

รวมทั้งหมด 18 จุด ได้แก่ บริเวณแยกไฟแดงของอาคาร อิมแพ็ค ฟอรั่ม, แยกโรงเรียนเลอโนท, วงเวียนทางเข้าอิมแพ็ค, วงเวียนของ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์, แยกบีไฮฟ, ถนนด้านหลังทางออกคลองปะปา (ซอย 5 บาท)

อิมแพ็ค ทุ่ม 100 ล้าน พลิก เมืองทองธานี สู่ Smart City รับรถไฟฟ้า

และถนน S19 โดยจะติดตั้งเพิ่มเติมอีกรวม 10 จุด ได้แก่ บริเวณปากทางเข้าจากถนนแจ้งวัฒนะ, แยกธนาคารกสิกรไทย,แยกโครงการโมริคอนโด, วงเวียนทางเข้าอิมแพ็ค, แยกคอสโม, ถนน S19, แยกด้านหน้าอาคารชาเลนเจอร์ (รอยัล จูบิลี่), แยกอาคาร อิมแพ็ค อารีน่า, แยกด้านหลัง Hall 9 และบริเวณสะพานทางเชื่อมอาคารชาเลนเจอร์และอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ใต้ Sky Kitchen เป็นต้น

สำหรับการติดตั้ง ระบบการจัดการการจราจรอัจฉริยะ (Intelligent Traffic Management System) มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยี และพร้อมช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ โดยระบบสามารถบันทึก และแสดงข้อมูลปริมาณจราจร ความเร็วของรถ ปริมาณท้ายแถวสะสม และสามารถแยกประเภทรถได้

สามารถวิเคราะห์ปริมาณจราจรตามทางแยกโดยใช้กล้อง AI-CCTV และอุปกรณ์  Traffic Signal Controller มาปรับเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจรได้ตามความเหมาะสม แบบ Real Time ตัวกล้อง AI-CCTV มีระบบอ่านป้ายทะเบียนที่จะช่วยบันทึกภาพทะเบียนได้อย่างชัดเจนและแม่นยำสูงถึง 98% และสามารถตรวจนับรถบริเวณที่มีรถสัญจรตามจุดต่างๆ ตามช่องจราจรจริงในพื้นที่ได้

อิมแพ็ค ทุ่ม 100 ล้าน พลิก เมืองทองธานี สู่ Smart City รับรถไฟฟ้า

นายธนรัฐ กล่าวอีกว่า นอกจากการเตรียมระบบเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตแล้ว อิมแพ็ค โดยฝ่ายบริหารเมือง ยังได้มีการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร จัดการฝึกอบรมการทำงานควบคู่กับการทำงานของระบบอัจฉริยะ

โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานความมั่นคง ตำรวจในท้องที่ในการจัดฝึกอบรม ด้านการรักษาความปลอดภัย การจัดการจราจร การดูแลการเดินทางเข้าออกพื้นที่ รวมถึงการปรับภูมิทัศน์เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมืองอย่างต่อเนื่อง

เพื่อตอบรับกับนโยบายการพัฒนาและยกระดับเมืองทองธานีสู่ Smart City ที่สมบูรณ์แบบเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับชาวชุมชน พร้อมส่งเสริมการอยู่อาศัยและการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ทันสมัยและปลอดภัยในอนาคต