จากใจ“เจ้าสัวเจริญ”ถึงคู่ชีวิตที่ลืมไม่ได้ เปิดคติพจน์สอนลูกทำธุรกิจ

21 ก.ย. 2566 | 11:15 น.

จากใจ“เจ้าสัวเจริญ” คู่ชีวิตที่ลืมไม่ได้ การสอนลูกทำธุรกิจ การใช้ชีวิต ยึดวัฒนธรรมกับคติพจน์ของบรรพบุรุษ “ยิ่งให้ ยิ่งมี” ทำให้ดี แล้วยั่งยืน ถูกต้อง หลังใช้เวลาสะสมที่ดินเชียงใหม่นานกว่า 30 ปี กรุยทางส่งให้ทายาท สืบทอดต่อ เอามาเป็นคุณค่า (มีคลิป)

ล่าสุด “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ประธานอาณาจักร “ทีซีซีกรุ๊ป” และประธานบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ในวัยเกือบ 80 ปี ได้กล่าวสุนทรพจน์ เมื่อค่ำวานนี้ (วันที่ 20 กันยายน 2566) ในงานเลี้ยงเปิดตัว “โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล” หลังจาก AWC ได้ลงทุนกว่า 5 พันล้านบาท ในการพลิกโฉม “โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่” โรงแรมแห่งแรกของ “ทีซีซีกรุ๊ป” ที่เจ้าสัวเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี คู่ชีวิตได้ซื้อไว้กว่า 36 ปี ปรับโฉมเป็นโรงแรมหรู

 

จากใจ“เจ้าสัวเจริญ”ถึงคู่ชีวิตที่ลืมไม่ได้ เปิดคติพจน์สอนลูกทำธุรกิจ

 

ทั้งยังเป็นการออกงานครั้งแรกคุณหญิงวรรณา คู่ชีวิตผู้ล่วงลับ ที่จากไปเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2566 โดยเจ้าสัวเจริญ กล่าวว่า

 

เจ้าสัวเจริญ

 

สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ผมเห็นบรรยากาศแล้วรู้สึกว่าเชียงใหม่จะต้องเป็นจังหวัดที่รุ่งเรืองอยู่แล้ว และจะเป็นจังหวัดที่รุ่งเรืองขึ้นไปอีก เพราะว่าหน่วยงานต่างๆ ทั้งทางจังหวัดเชียงใหม่ หอการค้า และทุกคน ต่างตั้งใจทำให้จังหวัดเชียงใหม่เรารุ่งเรืองอีกครั้ง

มิหนำซ้ำ กงสุลหลายประเทศยังมาร่วมงานด้วย จะสามารถนำพาสิ่งต่างๆ ไปสู่ในประเทศของเขา เพื่อนำเศรษฐกิจมาเชื่อมโยงกันให้เกิดคุณค่าสูงส่ง

 

เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี

 

สิ่งต่างๆ ที่จะมีการทำ จะต้องมีการคิดและทำให้สิ่งที่เรามาทำประโยชน์ จะต้องทำอย่างไรให้เจ้าของพื้นที่ ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่  รวมถึงสิ่งที่ได้มานั้น ให้มีคุณค่า

ไม่ใช่เราได้มาแล้ว บางครั้งก็อาจมีการบอกว่าทำไมได้แล้วแต่ไม่ทำ เพราะเรายังไม่ใช่ที่ควรจะทำ ถ้าไปทำแล้วสร้างความเสียหาย ความไม่สวยงาม ความไม่ยั่งยืน อันนี้ทำให้จะรีบร้อนก็ไม่ได้ ก็เลยทำให้สิ่งต่างๆ ต้องคิดอย่างรอบคอบว่าทำแล้ว จะต้องไม่เกิดทำให้ส่วนรวมเสียหาย

 

วันนี้ก็ดีใจ เพราะว่าลูกคนที่ 2 ของผม (คุณเอ๋ วัลลภา ไตรโสรัส) กับสามีของเขา (คุณต่อ โสมพัฒน์ ไตรโสรัส) ก็เรียนจบทั้ง 3 วิชาในมหาวิทยาลัยเดียวกัน วิชาแรกคือ เป็นเรื่องของสถาปนิก ระดับปริญญาตรีด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเป็นที่ที่ใครก็รู้จัก ก็ได้เกียรตินิยมมา

 

วัลลภา ไตรโสรัส

 

ต่อด้วยระดับปริญญาโท ลูกสาวคนนี้ก็ขอคุณแม่ (คุณหญิงวรรณา) ว่าขอไปเรียนที่อังกฤษ เขาจะไปสอบเรียนต่อที่ LSE หรือ London School of Economic and Political Science ปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์การวางผังเมือง ใครจะเข้าไปก็ไม่ได้ง่ายๆก็สามารถสอบเข้าได้ และยังขออีกใบกับคุณแม่ที่จะไปเรียนปริญญาโทต่ออีกใบหนึ่ง ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เรียนลงทุนพร็อพเพอร์ตี สาขาเศรษฐศาสตร์ที่ดิน

ครั้งที่แล้วพอดีช่วงนั้นคุณหญิงวรรณาไม่สบาย ผมเลยไม่ได้มาร่วมงานเปิดโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่  เมื่อวานนี้มาถึงเชียงใหม่ก็ได้ไปชมโรงแรมมีเลียด้วย รู้สึกมหัศจรรย์มาก ตอนที่เขาจะขาย แล้วผมได้ข่าวมา ดูแล้วมันเก่ามากๆ และใต้โรงแรมก็ยังทำธุรกิจที่ไม่ค่อยเหมาะสม ก็เลยไม่เคยมาดูเลย เจ้าหน้าที่ก็ติดต่อซื้อขาย

ก็เก็บจนเอ๋ ตั้ง AWC ซึ่งผมก็ได้ใช้วัฒนธรรมกับคติพจน์ของบรรพบุรุษ ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นคนมีเงินอะไร เพียงแต่สอนให้เราทำอย่างไร “ให้คนอื่นดี เราถึงจะดีได้” เราต้องคิดถึงข้อนี้

ข้อที่สองคือ คนโบราณจีนเขาจะสอนให้ ‘ยิ่งให้ ยิ่งมี’ อันนี้ถูกคนขอร้อง เราก็เลยซื้อ ซื้อเสร็จก็ต้องมาคิดว่าในวันหลังที่ลูกจะมาทำต่อ มันไม่ติดกันจะทำอย่างไร ก็เลยจำเป็นจะต้องเก็บนิดผสมน้อย เพื่อให้เป็นรูปธรรม พอวันหลังทำขึ้นมาถึงจะสวย สิ่งต่างๆ ที่สะสมมา ต้องใช้เวลากว่า 30 ปี อย่างโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง  ซื้อเมื่อปี 2530 ถูกขอให้ช่วย ก็เลยช่วยมา

จากใจ“เจ้าสัวเจริญ”ถึงคู่ชีวิตที่ลืมไม่ได้ เปิดคติพจน์สอนลูกทำธุรกิจ

อันนี้ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการจะทำให้ดี แล้วยั่งยืน และถูกต้อง  และจะต้องทำอย่างให้คนที่จะมาสืบทอดต่อไปนั้น จะได้ไม่ทำให้สิ่งที่เราเก็บมา เหน็ดเหนื่อยมา อย่างยากลำบาก เขาจะได้เอามาเป็นคุณค่า เพื่อจะได้มีความสบายใจแค่นี้เอง

 

งานเปิดตัวโรงแรมออินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง

 

ผมก็โชคดีมากๆ ที่ได้แต่งงานกับคุณหญิงวรรณา เพราะคุณหญิงวรรณา เป็นบุคคลที่ช่วยเป็นกำลังใจ และช่วยกลั่นกรองอย่างละเอียดทุกครั้งคุณหญิงก็จะช่วย เป็นคู่ชีวิตที่เราลืมไม่ได้ ซึ่งคุณหญิงวรรณากับผมมีลูกด้วยกัน 5 คน เอ๋เป็นลูกคนที่ 2 ทำ AWC คนแรกเป็นลูกสาว (อาทินันท์ พีชานนท์) ดูแลธุรกิจประกัน คนที่ 3 ลูกชายคนโต (ฐาปน สิริวัฒนภักดี) ดูไทยเบฟ ลูกคนที่ 4 เป็นผู้หญิงคนเล็ก (ฐาปนี เตชะเจริญวิกุล) ทำด้านเกี่ยวกับ BJC  บิ๊กซี และลูกคนที่ 5 คนสุดท้าย (ปณต สิริวัฒนภักดี) ดูเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี ทำที่สิงคโปร์

ทั้งยังสัวเจริญ ยังได้กล่าวเรียกรอยยิ้มให้กับทุกคน โดยกล่าวว่า " เอ๋ก็พยายามเลียนแบบผมกับคุณหญิงวรรณา เพราะมีลูก 5 คนแล้ว  ลูกคนโตกับลูกคนที่ 2 ของเอ๋ก็ไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาแล้ว"

ทั้งหมดก็รู้สึกว่า สิ่งต่างๆ ที่เดินทางมา ลูกๆ ก็ได้พยายามสังเกตทั้งเช้าทั้งเย็นที่พบกัน จะได้รู้ว่าพ่อแม่ทำอะไร ก็เก็บความรู้สึกไว้ในใจในสมอง ก็คิดว่าทุกอย่างต้องทำด้วยความตั้งใจและทำให้ดีกับทุกคน อันนี้สำคัญมาก คนไม่ดีเราก็ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เพียงแต่เราถือว่าเราผ่าน แล้วก็ให้มันผ่านไป

แต่อย่าลืมความกตัญญู สิ่งที่ดี มีคนดี เราก็ต้องทรงจำไว้เรื่อยๆ อันนี้ลืมไม่ได้ แต่คนไม่ดี  เราก็ต้องดี เพราะสิบนิ้วเราไม่เท่ากัน ก็ต้องมีคนดี และคนไม่ดี แต่เราก็ไม่ต้องจำคนไม่ดี จำแต่คนที่ดี เราจะมีคุณค่า

ต้องขอบใจมากๆทุกคนมา ผมเห็นแล้วรู้สึกว่าทั้งในด้านผู้ที่จะให้คุณค่ากับจังหวัดก็มาเยอะมาก รวมถึงในด้านที่เกี่ยวข้องกับหอการค้าก็มา โดยเฉพาะกงสุลก็มาด้วย ก็จะแสดงให้ว่าการผนึกกำลังกัน เชียงใหม่ก็คงกลับมาอย่างรุ่งเรืองเหมือนสมัยโบราณ และจะกลับมาอย่างมีคุณค่า สิ่งต่างๆที่เอ๋ทำคือการสร้างโรงแรมต่างๆที่ต่างชาติชอบ ก็จะเหมือนภูเก็ต ที่เขาจะเที่ยวเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่างๆของจังหวัดก็ต้องพยายามพัฒนาท่องเที่ยวมาแล้วมีความสุข