คลับเมด (Club Med) ผู้นำด้านการพักผ่อนในวันหยุดระดับพรีเมียมและในช่วงฤดูกาลหิมะระดับโลกแบบจ่ายครั้งเดียวจบ ประกาศรายรับจากผลประกอบการในปี 2565 กวาดรายได้กว่า 1.7 พันล้านยูโร (ประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท)
พร้อมทุบสถิติมีรายรับประจำเดือนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ ของปี 2566 และจะเปิดรีสอร์ตใหม่อีก 17 แห่งทั่วโลกในอีก 2 ปีข้างหน้า รวมทั้งปรับปรุงรีสอร์ตที่มีอยู่แล้วอีก 10 แห่งให้ดีขึ้นกว่าเดิม
มร. อ็องรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง (Henri Giscard d’Estaing) ประธานคลับเมด ได้เปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการว่ารายได้ของ คลับเมด ฟื้นตัวอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด โดยได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวทั้งในยุโรป และอเมริกา โดยมีมูลค่ารวมธุรกิจของปี 2565 อยู่ที่ 1,699 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2564 และนับว่าฟื้นตัวได้ 99 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562
ทำให้มีผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 98 ล้านยูโร เป็นผลมาจากการปรับวางตำแหน่งของแบรนด์ใหม่ ให้เป็นระดับไฮ-เอนด์ และร่วมสมัยมากขึ้น ภายใต้หลักการสร้างสรรค์ 3 ประการ ได้แก่ ความเรียบง่าย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และพิเศษไม่เหมือนใคร
มร. อ็องรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง กล่าวว่า “ปี 2565 ที่ผ่านมาถือเป็นก้าวสำคัญเชิงกลยุทธ์ ในการปรับจุดยืนของแบรนด์ ไปยังกลุ่มอัปสเกล (upscale) มากขึ้น โดยปัจจุบันรีสอร์ตในระดับพรีเมียมของคลับเมด คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุด นับตั้งแต่มีการก่อตั้งคลับเมดในปี 2493
โดยในปี 2565 เราได้เปิดรีสอร์ตใหม่ 7 แห่ง และในระหว่างปี 2566-2568 จะเปิดรีสอร์ตใหม่เพิ่มเติมอีก 17 แห่ง รวมถึงปรับปรุง และขยายการให้บริการในรีสอร์ตที่มีอยู่แล้วอีก 10 แห่ง และยังคงไม่หยุดที่จะมองหาโอกาสสำหรับเปิดรีสอร์ตเพิ่มเติม”
ในส่วนของผลประกอบการ ก็สูงกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนเกิดโรคระบาดโดยบริษัทมีผลประกอบการสุทธิที่เป็นบวก และสามารถลดระดับหนี้สินทางการเงินได้ อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ “แนวโน้มของธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และผมมั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์นี้ จะช่วยให้คลับเมด สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต”
ธุรกิจของคลับเมด สามารถเติบโตได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของรีสอร์ตในกลุ่มทวีปยุโรป และอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ขณะที่รีสอร์ตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงได้รับผลกระทบตลอดปี 2565 อันเนื่องมาจากกฎระเบียบต่างๆที่ทำให้มีข้อจำกัดด้านการเดินทาง รวมถึงการแพร่ระบาด โควิด-19 ระลอกที่ 2 ในจีน
สำหรับอัตราราคารายวันเฉลี่ย (Average Daily Rate - ADR) อยู่ที่ 208 ยูโรต่อวัน เพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2564 และเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2562 และปริมาณห้องพักสามารถเปิดได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับปี 2564 และฟื้นตัวเป็นร้อยละ 92 ของระดับปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาด
“อัตราราคารายวันเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นนี้มีสาเหตุหลักมาจากการปรับจุดยืนของแบรนด์ให้สูงขึ้นรวมถึงการลงทุนจำนวนมหาศาลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ช่วยยกระดับพอร์ตโฟลิโอของ คลับเมด
โดย 95 เปอร์เซ็นต์ของรีสอร์ตที่ให้บริการในปัจจุบันนั้น จัดเป็นรีสอร์ตในระดับไฮเอนพรีเมียม และในกลุ่มเอ็กซ์คลูซีฟ คอลเล็กชัน (Exclusive Collection) ซึ่งถือกลุ่มรีสอร์ตในระดับหรูของคลับเมด” มร. อ็องรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง กล่าว
ดังนั้นแม้ว่าจะยังคงมีข้อจำกัดด้านการเดินทางในประเทศแถบเอเชีย และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 แต่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในยุโรปและอเมริกา ช่วยให้คลับเมด มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 98 ล้านยูโร ซึ่งกลับสู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการเกิดโรคระบาด
สำหรับผลประกอบการในภูมิภาคเอเชีย แม้ว่ามูลค่ารวมธุรกิจในปี 2565 จะยังตามหลังมูลค่าของปี 2562 อยู่ 48 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี โดยเมื่อเปรียบเทียบมูลค่าธุรกิจของครึ่งปีแรก กับครึ่งปีหลังของปี 2565 จะพบว่ามูลค่าธุรกิจของครึ่งปีแรก ตามหลังปี 2562 อยู่ถึง 73 เปอร์เซนต์ แต่เมื่อรวมมูลค่าธุรกิจของครึ่งปีหลัง มูลค่าธุรกิจทิ้งห่างลดลง เหลือเพียง 22 เปอร์เซ็นต์
ในปี 2565 คลับเมด ตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ ในการเป็นรีสอร์ตแบบอัปสเกล ด้วยการเปิดตัวรีสอร์ตระดับพรีเมียมและ รีสอร์ตในกลุ่มเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลกชั่นใหม่ 7 แห่ง ได้แก่
สำหรับภาพรวมในปี 2566-2568 คลับเมด จะเปิดรีสอร์ตใหม่อีก 17 แห่ง ขยายและปรับปรุงรีสอร์ตที่มีอยู่แล้ว 10 แห่ง และศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดรีสอร์ตแห่งอื่นต่อไป ในขณะเดียวกัน บริษัทเผยว่ามี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมาก อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากความต้องการของลูกค้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในทวีปอเมริกาและยุโรป
รวมถึงปรากฏการณ์ "เที่ยวล้างแค้น" ในเอเชีย ที่เป็นการปลดปล่อยความอัดอั้นจากการไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันมาเกือบ 3 ปี ก็สะท้อนให้เห็นถึง การเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ได้ สำหรับเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2566 มูลค่ารวมธุรกิจได้ทำสถิติแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการจองห้องพักอยู่ที่ 77 เปอร์เซ็นต์
การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของ คลับเมด แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ ตามเสาหลัก 5 ประการ ดังนี้
เสาหลักเชิงกลยุทธ์ทั้ง 5 ประการนี้จะช่วยเร่งการฟื้นตัวของ คลับเมด ในฐานะผู้นำด้านการพักผ่อนในวันหยุดระดับพรีเมียมแบบจ่ายครั้งเดียวจบ รวมสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำสำหรับครอบครัว และคู่รักที่ชื่นชอบในกิจกรรม
เกี่ยวกับคลับเมด
คลับเมด ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2493 โดย เจอราร์ด บลิทซ์ (Gérard Blitz) ภายใต้แนวคิดของการเป็นที่พักสำหรับการพักผ่อนในช่วงวันหยุดแบบจ่ายครั้งเดียวจบ และต่อมาได้เพิ่มกิจกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมสำหรับเด็ก และจัดตั้งเป็น มินิคลับ ขึ้นในปี พ.ศ. 2510 โดยมีอุดมการณ์พื้นฐานของการเป็นนักบุกเบิก ผจญภัย ทำให้แหล่งที่ตั้งของคลับเมดจะเป็นจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นพิเศษ
ปัจจุบันคลับเมดเป็นผู้ให้บริการแพ็กเกจที่พักแบบเหมาจ่ายพรีเมียมออลอินคลูซีฟ รวมทุกอย่างในราคาเดียว ทั้งที่พัก อาหาร ของว่าง เครื่องดื่ม บริการพี่เลี้ยงดูแลเด็ก กีฬาและกิจกรรม ตลอดจนความบันเทิงยามค่ำคืน ที่มีกลิ่นอายแบบฝรั่งเศส เหมาะสำหรับครอบครัว และคู่รัก
โดยมีรีสอร์ตให้บริการกว่า 70 แห่ง และกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ เป็นรีสอร์ต ระดับพรีเมียมและ รีสอร์ตในกลุ่มเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลกชั่น (Exclusive Collection) อยู่ใน 30 ประเทศทั่วโลก มีพนักงาน หรือที่เรียกว่า Organisateurs (GOs) และ Gentils Employés (GEs) รวมทั้งสิ้นกว่า 23,000 คน ต่างเชื้อชาติ ถึง 110 เชื้อชาติ