"วินแดม" เฟรนไชส์โรงแรมใหญ่สุดในโลก บุกไทยแลนด์ริเวียร์ร่า

14 เม.ย. 2566 | 02:12 น.

"วินแดม" Wyndham Hotels & Resorts เฟรนไชส์โรงแรมใหญ่สุดในโลก บุกไทยแลนด์ริเวียร์ร่า โดยรับบริหารโรงแรมในพื้นที่ปราณบุรี “ธเนศ เจริญจิตไพศาล” ผู้จัดการโรงแรมวินแดม หัวหิน ปราณบุรี รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า มีคำตอบ

Wyndham Hotels & Resorts (วินแดม) เป็นแฟรนไชส์ธุรกิจโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนโรงแรมมากกว่า 9,000 แห่งใน 95 ประเทศ เฉพาะในเอเชีย แปซิฟิก ยังบริหารโรงแรมอีกมากกว่า 70 แห่ง โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้เข้ามารับบริหารโรงแรมในพื้นที่ปราณบุรี ในพื้นที่โครงการไทยแลนด์ริเวียร์ร่า

นายธเนศ เจริญจิตไพศาล ผู้จัดการโรงแรมวินแดม หัวหิน ปราณบุรี รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่าวินแดมมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีริจินัลออฟฟิตอยู่ในภูมิภาคเอเชีย

ธเนศ เจริญจิตไพศาล

ปัจจุบันเครือวินดัมกำลังขยายธุรกิจเข้าบริหารโรงแรมในไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยมีไทย และอินโดนีเซีย เป็นหมุดหมายสำคัญของการขยายตัวด้วยศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีความชัดเจน
 

ปัจจุบันเครือวินแดมบริหารโรงแรมในภูเก็ต 2 แห่ง กระบี่ 1 แห่ง เขาหลัก 1 แห่ง ปราณบุรี 1 แห่ง และในกรุงเทพอีก 7 แห่ง ภายใต้ร่มของแบรนด์ วินแดม, วินแดม แกรนด์ และรามาดา เป็นต้น ในอนาคตอันใกล้ เครือวินแดมตั้งเป้าว่าจะขยายเครือข่าย พร้อมเข้าบริหารรีสอร์ตเพิ่มเติมอีกเช่นในภาคเหนือของไทย เป็นต้น

โดยเมื่อไม่นานมานี้ Wyndham Destination Asia Pacific ได้ลงนามในข้อตกลงเข้าบริหารกิจการโรงแรม Blue Lotus Hua Hin ขนาด 194 ห้อง หรือ Evason Huahin เดิมในเครือ Six Senses พร้อมกับการรีแบรนด์โรงแรมใหม่เป็นโรงแรม “วินแดม หัวหิน ปราณบุรี รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า” (Wyndham hua hin pranburi resort & villas)

โรงแรมวินแดม หัวหิน ปราณบุรี รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า

การรีแบรนด์ครั้งนี้นอกจากจะเป็นการตอกยํ้าลูกค้ากลุ่มเดิมที่มั่นคงกับแบรนด์วินแดมแล้ว ยังสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ผ่านเครือข่ายของแบรนด์ระดับโลกอย่างวินแดม โดยปกติกลุ่มลูกค้าของรีสอร์ต 70% เป็นคนไทยจากกรุงเทพ ซึ่งจะเดินทางเข้าพักช่วงสุดสัปดาห์ และอีก 30% จะเป็นกลุ่มลูกค้าจากยุโรป ได้แก่ อังกฤษ เยอรมัน สวิส และกลุ่มประเทศนอร์ดิก ซึ่งก็จะเดินทางเข้าพักในฤดูกาลท่องเที่ยว เราจึงยังสามารถรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ นี้ได้อีกมาก 
 

ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสในการดึงดูดสมาชิกจากกลุ่มคลับเมมเบอร์ของเครือวินแดมที่มีถึงกว่า 65,000 คนทั่วโลก เข้ามาท่องเที่ยวที่หัวหินในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวได้เพิ่มเติมอีกด้วย โดยเครือวินแดมที่มีฐานลูกค้าในธุรกิจไทม์แชร์ (time share) ทั้งในอเมริกา และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

การที่เครือวินแดมเข้ามาบริหารในครั้งนี้มีเป้าหมายดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นสมาชิกของทั้ง Vacation Club และ Loyalty Program ของเครือวินแดม ทั้งในอเมริกา และเอเชียแปซิฟิกเข้ามาเสริมด้วย บวกกับความเฉพาะตัวของรีสอร์ตแห่งนี้บนพื้นที่ริมทะเลอันเงียบสงบ เหมาะกับนักท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว และกลุ่มอินเซนทีฟ ที่สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายบนพื้นที่กว่า 50 ไร่

อาทิ สระว่ายนํ้าขนาดใหญ่ สนามเทนนิส 4 คอร์ท สนามพิคเคิลบอล ลานสเก็ต ซึ่งจะเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจของสมาชิกกลุ่มนี้ได้ จะทำให้เกิดธุรกิจในกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยเติมเต็มโมเดลธุรกิจให้ขยายตัวจากกลุ่มลูกค้าคนไทย และชาวยุโรปที่มักจะเดินทางเข้ามาพำนักใน ช่วงไฮซีซันทุกปีอีกด้วย

โรงแรมวินแดม หัวหิน ปราณบุรี รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า

“จุดแข็งของเครือวินแดม คือ ธุรกิจไทม์แชร์อันแข็งแกร่งที่สามารถดึงฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นสมาชิกกว่า 65,000 คนให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ ขณะที่รีสอร์ตเองก็มีความเฉพาะตัวบนพื้นที่ริมทะเลอันเงียบสงบ

เหมาะกับการเดินทางมาพักผ่อนสำหรับครอบครัว และกลุ่มอินเซนทีฟ ที่สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ซึ่งจะเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจของสมาชิกกลุ่มนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งวินแดมกำลัง ขยายเมมเบอร์ Vacation Club ในไทยด้วยเช่นกัน”

นายธเนศ ยังกล่าวต่อว่า การเปิดตัว Wyndham Hua Hin Pranburi Resort & Villas แสดงให้เห็นถึงศักยภาพว่าเราสามารถพัฒนาเมืองรีสอร์ตริมชายฝั่งทะเลซึ่งเป็นพื้นที่โครงการไทยแลนด์ริเวียร์ร่า ของประเทศไทยได้ในระยะยาว เนื่องจากความต้องการด้านการท่องเที่ยวมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาค

ในช่วงไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมาอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 30% โดยเราหวังว่าตัวเลขจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างนัยยะสำคัญในฐานะประเทศเป้าหมายการท่องเที่ยว

ทั้งนี้เห็นได้จากการที่สายการบินต่างๆ เริ่มเพิ่มเที่ยวบินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ในปี 2565 และ 2566 นี้ ยังอาจไม่โตเท่ากับตัวเลขปี 2563 ก่อนเกิดวิกฤตโควิดที่มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70-80% ก็ตาม  เนื่องจากหลายตลาดหลักๆ เช่น จีน ก็ยังไม่กลับมา

อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวในไทยก็ยังมีปัจจัยบวกในเรื่องค่าเงินบาท ที่ตอนนี้อ่อนตัวอยู่ที่ประมาณ 37-38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เป็นปัจจัยหนึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น

\"วินแดม\" เฟรนไชส์โรงแรมใหญ่สุดในโลก บุกไทยแลนด์ริเวียร์ร่า

ส่วนความท้าท้ายในการดำเนินธุรกิจหลังโควิด-19 จะมีอยู่ 2 เรื่องหลัก คือ

  • เรื่องแรกคือจำนวนห้องพักล้นตลาด หรือ Over supply

ปีนี้ในหัวหินมีห้องพักใหม่กว่า 800 ห้อง ขณะที่ธุรกิจเดิมก็ยังไม่ฟื้นตัว หรือเพิ่งเริ่มจะกระเถิบตัวขึ้น แต่ด้วยความที่โรงแรมอยู่ในปราณบุรี ห่างจากหัวหิน 25 กิโลเมตร ก็จะเป็นอีกจุดเด่นของคนที่ชอบความเป็นธรรมชาติ และยังสัมผัสกับวิถีโลคัล ไลฟ์ได้ด้วย

  • เรื่องที่ 2 คือ Accessibility  หรือปริมาณการเดินทางเข้าไทยที่ยังถูกจำกัด

ด้วยเที่ยวบินที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในภาพรวมก็ยังถือว่าอัตราการเขยิบตัวยังค่อยเป็นค่อยไป แต่อยู่ในเส้นทางที่เป็นเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยรวมทั้งของทางรีสอร์ต

ขณะที่ปัญหาการขาดแคลน แรงงานเราไม่มี เนื่องจากพนักงานของรีสอร์ตกว่า 99% เป็นคนปราณบุรีเกือบทั้งหมด และส่วนใหญ่ก็เคยทำงานโรงแรมนี้มาตั้งแต่เปิด รู้จักลูกค้าเป็นอย่างดี เมื่อโรงแรมเปิดก็กลับมาทำงานกันเหมือนเดิมนั่นเอง