KEY
POINTS
แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยปี 2568 จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่พฤติกรรมใช้จ่ายของครัวเรือนไทยยังคงอยู่ในโหมด “รอบคอบ–ระมัดระวัง” สะท้อนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภาวะค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง จากรายงานผลสำรวจ ASEAN Consumer Sentiment Study (ACSS) โดยธนาคารยูโอบีร่วมกับ Boston Consulting Group
ผลสำรวจระบุว่า ผู้บริโภคไทยร้อยละ 39 เชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต เพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า แต่ส่วนใหญ่ยังเลือกใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและหันมาให้ความสำคัญกับ “คุณภาพชีวิต สุขภาพ และการศึกษา” มากขึ้น แทนการใช้จ่ายเพื่อบริโภคในทันที
นายยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้บริโภคไทยอยู่ในช่วง “ปรับสมดุลชีวิตการเงิน” โดยเริ่มให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองและการวางแผนอนาคต “เรากำลังเห็นพฤติกรรมที่สะท้อนความรับผิดชอบทางการเงินสูงขึ้น แม้เศรษฐกิจจะยังมีความเสี่ยง แต่ผู้บริโภคพยายามรักษาความมั่นคงและคุณภาพชีวิตในเวลาเดียวกัน”
ข้อมูลสำคัญจากรายงานระบุว่า ร้อยละ 44 ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทย ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในด้านการศึกษา สุขภาพ และคุณภาพชีวิต ขณะที่หมวดสินค้าฟุ่มเฟือยและการท่องเที่ยวมีการชะลอตัวต่อเนื่อง
แนวโน้มดังกล่าวสอดคล้องกับทัศนคติใหม่ของผู้บริโภคที่เริ่มมองชีวิตหลังวัยเกษียณอย่างจริงจัง โดยกว่าครึ่งคาดว่าจะเกษียณหลังอายุ 60 ปี และตั้งเป้าเงินออมเฉลี่ยราว 3.9 ล้านบาทสำหรับกลุ่มทั่วไป และ 10.5 ล้านบาทในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
การวางแผนระยะยาวนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังสะท้อน “ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” ของครัวเรือนไทย ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและการลงทุนในตนเองมากกว่าการบริโภคแบบทันที
หนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจจากผลสำรวจ ACSS ปี 2568 คือการปรับตัวของพฤติกรรมผู้บริโภคในโลกออนไลน์ ร้อยละ 45 ของคนไทยระบุว่า “ซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น” ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ถึง 47 เปอร์เซ็นต์กลับใช้เวลาตัดสินใจนานกว่าเดิม
แม้ยอดขายทันทีจะไม่พุ่งสูงเหมือนช่วงโควิด แต่แบรนด์กลับได้ “การมีส่วนร่วม” และ “ความผูกพัน” จากผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าแนวโน้มนี้จะทำให้การตลาดดิจิทัลเปลี่ยนจากยุคของยอดขายทันที (conversion marketing) สู่ยุคของ community building หรือการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
ผลสำรวจยังพบว่า ผู้บริโภคไทยร้อยละ 87 มีความมั่นใจในการบริหารการเงินส่วนบุคคล ขณะที่กว่า 7 ใน 10 มีการออมเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ต่อเดือน
โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ตัวเลขการออมแตะ 88 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กลุ่ม Gen Z มียอดเปิดบัญชีเงินฝากใหม่เพิ่มขึ้นถึง 48 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนแนวโน้มการตื่นตัวทางการเงินของคนรุ่นใหม่
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่กับ “แรงกดดันทางสังคม” และ “พฤติกรรมใช้จ่ายเพื่อภาพลักษณ์” โดยร้อยละ 82 ของ Gen Z และ 76 ของ Gen Y ยอมรับว่าความคาดหวังจากคนรอบข้างเป็นอุปสรรคต่อการออมอย่างต่อเนื่อง
ผลสำรวจของยูโอบีสะท้อนว่า “การบริหารการเงินส่วนบุคคล” ไม่ได้เป็นเพียงพฤติกรรมรายบุคคลอีกต่อไป แต่กลายเป็นประเด็นเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างที่ส่งผลต่อความสามารถในการบริโภคและการเติบโตของประเทศ
การที่ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แม้เป็นสัญญาณของวินัยทางการเงินที่ดี แต่ในอีกด้านหนึ่งก็บ่งชี้ถึง “แรงกดดันของค่าครองชีพ” ที่ยังคงกัดกินรายได้ครัวเรือน ทำให้เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการลงทุนและการส่งออกมากขึ้นในระยะกลาง
นักวิเคราะห์มองว่า พฤติกรรม “มองบวกแต่ไม่ประมาท” ของคนไทย คือสัญญาณบวกของสังคมที่เริ่มปรับตัวอย่างยั่งยืน หากภาครัฐและเอกชนสามารถสร้างแรงจูงใจทางการออม–การลงทุนที่เหมาะสม ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนให้เศรษฐกิจฐานรากแข็งแรงขึ้นในอนาคต