KEY
POINTS
“มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย)” หรือ MR. D.I.Y. เดินหน้ากลยุทธ์รุกตลาดค้าปลีกเต็มกำลัง เตรียมขยายสาขาใหม่กว่า 500 แห่งทั่วประเทศใน 3 ปี พร้อมลงทุนกว่า 4,500 ล้านบาทสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติขนาดใหญ่ ยกระดับซัพพลายเชนรองรับการเติบโตมากกว่า 1,500 สาขาหลังปี 2570 ท่ามกลางภาพเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคเริ่ม “ระมัดระวังการใช้จ่าย” มากขึ้นควบคู่กับการยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจและภาพลักษณ์องค์กรในระยะยาว
เดินหน้าขยาย 1,500 สาขา รับดีมานด์สินค้าราคาคุ้มค่า
นายเอเดรียน ออง ประธานกรรมการ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายเปิดสาขาใหม่ไม่น้อยกว่า 500 แห่งภายในปี 2570 จากปัจจุบันที่ครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัด เพื่อขยายการเข้าถึงฐานผู้บริโภคในทุกพื้นที่ โดยกว่า 90% ของสาขาใหม่จะเป็น “สแตนด์อโลน” เพื่อเจาะตลาดระดับอำเภอและพื้นที่ชุมชนให้ลึกมากขึ้น
“เรามองเห็นช่องว่างทางตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับมาเลเซียที่มีสัดส่วนประชากรต่อสาขาราว 25,000 คน ขณะที่ไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 75,000 คนต่อสาขา ซึ่งยังมีพื้นที่เติบโตอีกมาก” นายเอเดรียน กล่าว
เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. วางแผนลงทุน 4,500 ล้านบาทเพื่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติขนาดใหญ่ โดยมุ่งยกระดับประสิทธิภาพโลจิสติกส์และระบบกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความเร็ว และเพิ่มความยืดหยุ่นในการตอบสนองความต้องการผู้บริโภค
ระบบซัพพลายเชนใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขยายตัวเกิน 1,500 สาขาหลังปี 2570 ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่
มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เตรียมเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ภายใต้ชื่อย่อ “MRDIYT” คิดเป็นมูลค่าระดมทุนสูงสุดประมาณ 5,600 ล้านบาท หรือราว 173 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็น IPO ที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) ใหญ่ที่สุดในรอบ 3 ปีของตลาดหลักทรัพย์ฯ คิดเป็นมูลค่าหลัง IPO สูงสุดประมาณ 57,100 ล้านบาท
บริษัทมองว่าการเข้าตลาดฯ ไม่เพียงเพิ่มเงินทุน แต่ยังช่วยเสริมธรรมาภิบาล เพิ่มความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน พันธมิตร และผู้บริโภค ขณะเดียวกันยังเป็นการเปิดโอกาสให้ขยายธุรกิจได้รวดเร็วขึ้นในช่วงจังหวะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
นายแอนดี้ ชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MR. D.I.Y. เปิดเผยว่า ตลาดค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านในประเทศไทยมีมูลค่ารวมราว 182,600 ล้านบาทในปี 2567 และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5.4% แตะ 237,800 ล้านบาทในปี 2572 โดยผู้ค้าปลีกเชน (Chain Retailers) มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 15.3% ต่อปี
“เรามีส่วนแบ่งตลาด 9% ในกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านและไลฟ์สไตล์ และเป็นผู้นำในตลาดโมเดิร์นเทรดด้วยส่วนแบ่ง 35–37% ปี 2567 บริษัทมีรายได้กว่า 16,200 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,700 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจ” นายแอนดี้ กล่าว
นายอานุภาพ คงมาลัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้จะถูกกดดันจากปัจจัยทั้งในและนอกประเทศ ทำให้ผู้บริโภคเริ่ม “ระแวดระวังการใช้จ่าย” มากขึ้น แต่บริษัทกลับพบว่าความต้องการสินค้าราคาคุ้มค่ากลับเพิ่มขึ้นชัดเจน
“คนไทยรู้สึกถึงความผันผวนทางเศรษฐกิจ ราคาทองปรับขึ้น หุ้นผันผวน ส่งผลให้ผู้บริโภคจำกัดการใช้จ่าย แต่ขณะเดียวกันพวกเขายังมองหาสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งเป็นจุดแข็งของ MR. D.I.Y. เราจึงยังเห็นยอดขายเติบโตต่อเนื่อง” นายอานุภาพ กล่าว
พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า โครงสร้างลูกค้าของ MR. D.I.Y. เริ่มขยายไปสู่กลุ่มรายได้สูงมากขึ้น จากเดิม 15% เป็น 17–18% สะท้อนว่าความต้องการสินค้าราคาคุ้มค่าไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตลาดล่าง แต่กำลังซึมลึกไปในกลุ่มผู้บริโภคทุกระดับ “เมื่อเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ผู้บริโภคจะยิ่งแสวงหาความคุ้มค่า” นายอนุภาพกล่าวทิ้งท้าย