คาเฟ่&เบเกอรี่ โตแรง บิ๊กเนมปั้นแบรนด์ใหม่ ชิงตลาด 8.5 หมื่นล้าน

30 ส.ค. 2568 | 22:11 น.

ธุรกิจร้านคาเฟ่&เบเกอรี่ 8.5 หมื่นล้านโตสวนเศรษฐกิจ บิ๊กเนมแห่เปิดแบรนด์ใหม่ พร้อมปรับกลยุทธ์ ดีไซน์ร้าน-เมนู หวังประสบการณ์โดนใจ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ แม้เชิญวิกฤตรอบด้านทั้งกำลังซื้อที่ชะลอ ต้นทุนพุ่ง ดีมานด์เปลี่ยน

‘ธุรกิจร้านคาเฟ่ ขนมหวาน และเบเกอรี่’ ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว ทั้งต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นทั้งราคาวัตถุดิบและค่าเช่าสถานที่ แต่ธุรกิจนี้กลับยังคงเติบโตต่อเนื่อง

สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในปี 2568 ตลาดร้านเครื่องดื่ม ร้านเบเกอรี่ ขนมหวาน และไอศกรีม มีมูลค่า 85,320 ล้านบาท เติบโต 3.2% โดยเฉพาะกลุ่มเบเกอรี่ที่ยังคงได้รับความนิยมสูง จากความหลากหลายของประเภทเบเกอรี่และจำนวนร้านที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสต่อยอดธุรกิจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างชัดเจน

นายสรเทพ โรจน์พจนารัช เจ้าของร้านสตีฟ คาเฟ่ ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และ ที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมโฮสเทล ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลกับ ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ธุรกิจคาเฟ่ ขนมหวาน และเบเกอรี่ในไทยยังเติบโตต่อเนื่อง แม้เผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจชะลอตัว ราคาวัตถุดิบหลัก เช่น น้ำตาล นม เนย และกาแฟ รวมถึงค่าเช่าและค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น

ส่งผลกระทบต่อกำไรของผู้ประกอบการโดยตรง ร้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมากที่สุดจากยอดขายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงกว่า 30% ทำให้หลายร้านปรับกลยุทธ์เน้นลูกค้าภายในประเทศ วัยรุ่นและคนทำงานที่มีกำลังซื้อสูง

การแข่งขันจึงไม่ได้อยู่แค่ราคาหรือรสชาติ แต่รวมถึงประสบการณ์ภายในร้าน การตกแต่ง และความสร้างสรรค์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ โดยปัจจัยหนุนนักท่องเที่ยวและคนเมืองให้ความสำคัญกับการใช้เวลาผ่อนคลายในร้าน

นายสรเทพ โรจน์พจนารัช

สำหรับร้านแบรนด์ใหญ่ยอดขายยังทรงตัวเนื่องจากต้นทุนสูง และผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ทำให้ผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ เช่น กาแฟไม่หวาน เครื่องดื่มสมุนไพร ขนมหวานโปรตีนสูง และใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ดี แนวโน้มไตรมาส 4 ธุรกิจคาเฟ่ยังมีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะเบเกอรี่และขนมหวานที่ตอบโจทย์สุขภาพและคุณภาพ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีเอกลักษณ์ บรรจุภัณฑ์พรีเมียม และสร้างแบรนด์เฉพาะตัว จะช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มรายได้สูงได้มากขึ้น

กลยุทธ์สำคัญของผู้ประกอบการคือ ปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งการทำร้านให้เป็น space experience สำหรับทำงานหรือพักผ่อน การพัฒนาเมนูสุขภาพ และการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง เพื่อตอบโจทย์เทรนด์กาแฟพรีเมียมและเครื่องดื่มสุขภาพที่กำลังมาแรง ทั้งหมดสะท้อนถึงความสามารถในการรักษาการเติบโตแม้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว

นางสาว นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์

ด้านนางสาว นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท รวยไม่หยุด จำกัด กล่าวว่า ตลาดคาเฟ่และขนมหวานยังมีแนวโน้มเติบโต แต่ไม่หวือหวาเหมือนในอดีต เนื่องจากผู้บริโภคมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะวันธรรมดาที่ศูนย์การค้าค่อนข้างเงียบ การจับจ่ายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือนักขัตฤกษ์ ลูกค้าในปัจจุบันคิดมากขึ้นว่าจะใช้เงินกับสินค้าใดและคุ้มค่าหรือไม่ แต่ก็ยังมีฐานลูกค้าที่พร้อมจ่ายในระดับ 100–200 บาทต่อชิ้น หากมั่นใจในคุณภาพวัตถุดิบ และนิยมซื้อซ้ำหรือนำไปเป็นของฝาก จุดนี้ถือเป็น เส้นทางหลักที่ช่วยรักษาฐานรายได้ของบริษัท

“แรงกดดันสำคัญยังคงเป็น ภาวะเศรษฐกิจและการเมือง ที่บั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึง การแข่งขันที่รุนแรง ผู้เล่นรายใหม่เข้าตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระแสนิยมของสินค้าแต่ละประเภทสั้นลงมาก จากที่เคยยืนระยะได้หลายปี ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่เดือน หากสินค้าหนึ่งอยู่ในตลาดได้ถึง 3 เดือนก็ถือว่ายาวนานแล้ว”

แม้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2568 ยังมีแนวโน้มชะลอตัว แต่การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากจีนและตะวันออกกลาง รวมถึงบรรยากาศการจับจ่ายช่วงไฮซีซั่นปลายปี จะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อยอดขายของเครือ

นางสาว นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์

บริษัทคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ รายได้รวมของเครือจะเติบโตประมาณ 20% จากการผสมผสานระหว่างแบรนด์เดิมที่แข็งแรงและแบรนด์ใหม่ที่ช่วยกระจายความเสี่ยง พร้อมเจาะตลาดใหม่ที่กว้างขึ้น ล่าสุดได้นำเข้าแฟรนไชส์ขนมบันเกาหลี “Standard Bun” เปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์

ขณะที่แบรนด์ใหม่ “Juicy baby” เตรียมเปิดตัวเครื่องดื่มโคลด์เพรสและเมนูไม่เกิน 100 แคลอรี ราคาจับต้องได้ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครักสุขภาพและควบคุมแคลอรี นอกจากนี้ยังพัฒนาเมนูใหม่ ๆ ให้ถ่ายรูปสวย ตอบโจทย์เทรนด์โซเชียลและกระตุ้นการทดลองสินค้าอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ นายฤทธิชัย สายสุวรรณ เจ้าของบริษัท ชาร์ลี แอนด์ เฟรนด์ส จำกัด และผู้บริหารร้าน ชาร์ลี บราวน์ คาเฟ่ ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดคาเฟ่ ขนมหวาน และเบเกอรี่ในไทยมีความสดใส ถึงแม้เผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจชะลอตัว ราคาวัตถุดิบปรับสูงขึ้น และต้นทุนค่าเช่าสถานที่ที่เพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมธุรกิจยังมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงจับจ่ายสูงสุดของปี

 นายฤทธิชัย สายสุวรรณ

ความสำเร็จของร้านคาเฟ่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรสชาติของขนมเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ ประสบการณ์ของลูกค้าและคอนเทนต์ที่สามารถแชร์ได้ คาเฟ่ที่มีคอนเซปต์โดดเด่น สภาพแวดล้อมน่าสนใจ และผลิตภัณฑ์เฉพาะตัว จะดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า ในขณะร้านที่ขาดความสร้างสรรค์หรือไม่มีอะไรใหม่อาจไม่สามารถเติบโตตามเป้าหมาย

สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ในปัจจุบัน การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนในคุณภาพของร้านและบริการ รวมถึงการสร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นหัวใจสำคัญ การใช้ครีเอเตอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์ช่วยเพิ่มการเข้าถึงอาจเป็นตัวเสริม แต่ความยั่งยืนของธุรกิจขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่แข็งแกร่งและประสบการณ์ของลูกค้า

ผู้ประกอบการต้องสามารถปรับตัวต่อแรงกดดันด้านต้นทุนและเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง ทั้งการสร้างความแตกต่างของคอนเซปต์ การลงทุนที่มั่นคง และการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

นายพีรวัส เจนตระกูลโรจน์

นายพีรวัส เจนตระกูลโรจน์ ทายาทรุ่นที่ 2 บริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด เจ้าของแบรนด์ ‘ศรีฟ้า’ เบเกอรี่กาญจน์ กล่าวว่า ตลาดคาเฟ่ ขนมหวาน และเบเกอรี่ในไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท สะท้อนถึงความนิยมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองที่ใช้ชีวิตเร่งรีบและต้องการอาหารพร้อมทาน เช่น แซนวิช ขนมปัง และเบเกอรี่ ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดให้ขยายตัว

คาเฟ่&เบเกอรี่ โตแรง  บิ๊กเนมปั้นแบรนด์ใหม่ ชิงตลาด 8.5 หมื่นล้าน

สำหรับไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการจับจ่าย สินค้าที่ให้ความคุ้มค่า “ถูกและดี” ยังคงได้รับความนิยมสูง ศรีฟ้าได้วางกลยุทธ์ออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมใช้งบการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และเข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัล ขณะเดียวกัน การขยายแฟรนไชส์เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น

“เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ศรีฟ้า เบเกอรี่เน้นการขายตรงในราคาที่เข้าถึงได้ และยังคงขยายธุรกิจค้าปลีกและแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าครอบคลุม 500 สาขาทั่วประเทศภายในปี 2573 พร้อมปรับตัวตามเทรนด์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญทั้งด้านราคาและคุณภาพ นอกจากนี้ยังออกสินค้าใหม่และโปรโมชั่นต่อเนื่องปีละกว่าร้อยรายการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น ชิโอปัง เค้กหมูหยอง และขนมตามกระแสต่าง ๆด้วย”

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,127 วันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายน พ.ศ. 2568